แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 58
1
จัดฟันเด็ก มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง

เด็กๆหลายคนมีปัญหาที่เกี่ยวกับช่องปากและฟัน ซึ่งในวัยเด็กนั้นการรับประทานอาหารถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากที่พ่อแม่ผู้ปกครองควรเอาใจใส่ให้มากเป็นพิเศษ เนื่องจากในวัยเด็ก หลายคนคงจะชื่นชอบอาหารที่มีรสหวานชอบรับประทานขนม ซึ่งเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดฟันผุที่เป็นปัญหาที่เด็กหลายคนมักต้องเจอและถ้าหากผู้ปกครองไม่คอยดูแลเอาใจใส่ในเรื่องของการทำความสะอาดช่องปากและฟันของบุตรหลานของท่านแล้ว ก็เสายงที่จะก่อให้เกิดการสูญเสียฟันได้ ซึ่งการสูญเสียฟันนั้นจะทำให้เกิดช่องว่างระหว่างฟันทำให้เกิดปัญหาของรูปร่างของฟันของเด็กและจะทำให้เกิดปัญหาอื่นๆตามมา โดยอาจจะส่งผล แก่ฟันบริเวณข้างเคียงด้วย เช่น ปัญหาการเกิดการสบฟันที่ผิดปกติ ฟันห่าง ฟันล้ม ฟันซ้อนเก ซึ่งมีปัญหามาจากการเกิดฟันผุจนถึงขั้นการสูญเสียฟัน ในวัยเด็กควรจะดูแลเขาใจใส่ในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันให้มาก เพื่อป้องกันปัญหาการเกิดฟันผุในเด็ก แต่ในปัจจุบันนี้ การรักษาสุขภาพช่องปากและฟันของเด็กมีด้วยกันหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการจัดฟันในเด็ก

      ซึ่งต้องบอกว่า การจัดฟันในเด็กนั้นเป็นนวัตกรรมรูปแบบใหม่ที่เด็กสามารถเข้ารับการจัดฟันได้ตั้งแต่อายุ7- 15 ปี เพราะเด็กในวัยนี้อยู่ในช่วงที่ฟันแท้ขึ้นครบแล้วและอยู่ในช่วงเวลาที่ขากรรไกรกำลังเจริญเติบโต การจัดฟันในเด็กต้องบอกว่าได้ผลดีมากกว่าการจัดฟันตอนโตด้วย พ่อแม่ผู้ปกครองหลายคนคงมองว่าการจัดฟันในเด็กนั้น ยังไม่ค่อยจำเป็นเท่าไหร่ แต่หารู้ไม่ว่าการจัดฟันในเด็กนั้น มีประโยชน์และมีประสิทธิภาพต่อการใช้งานของเด็กในวัยนี้มาก เพราะจะช่วยทำให้เด็กมีฟันที่สวยงาม มีรอยยิ้มที่มั่นใจและสดใสสมวัย

       สำหรับใครที่ต้องการให้บุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็กสามารถติดต่อขอรับแนะนำได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญจึงทำให้บุตรหลานของท่านมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีขึ้นได้แน่นอน ซึ่งวันนี้คลินิกจะมาพูดถึงขั้นตอนการจัดฟันในเด็ก เพ่อที่จะเป็นแนวทางให้กับพ่อแม่ผู้ปกครองที่อยากจะให้บุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก เพื่อแก้ไขปัญหาฟันให้กับบุตรหลานของท่าน สำหรับขั้นตอนการจัดฟันในเด็กนั้น อย่างแรกเลยคือ พ่อแม่ผู้ปกครอง ควรพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการตรวจช่องปากกับทันตแพทย์จัดฟัน เพื่อที่จะได้ให้ทันตแพทย์ทำการประเมินช่องปากในเบื้องต้น เพื่อวางแผนการรักษา จากนั้นก็ทำการพิมพ์ปากเพื่อสร้างแบบจำลองฟัน ทั้งที่เป็นแบบปูนหรือแบบดิจิตอล เพื่อใช้วิเคราะห์ วินิจฉัย และวางแผนการรักษาในขั้นต่อไป

ในขั้นตอนต่อไป พ่อแม่ผู้ปกครองก็จะทำการพูดคุยในเรื่องของการจัดฟันในเด็ก โดยทันตแพทย์จะทำการอธิบายถึงปัญหาของฟันของเด็ก ให้ผู้ปกครองเข้าใจ เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการติดเครื่องมือการจัดฟัน โดยการจัดฟันในเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี อาจติดเครื่องมือแค่บางซี่ หรือติดหมดทุกซี่ก็ได้ ขึ้นอยู่กับระดับความผิดปกติ ขึ้นอยู่กับแผนการรักษา ซึ่งเด็กแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน ซึ่งเครื่องมือการจัดฟัน ทันตแพทย์จัดฟันจะนำเครื่องมือเหล็กชิ้นเล็กๆ ไปติดบนฟัน โดยใช้กาวชนิดพิเศษ จากนั้นนำเครื่องมือที่อยู่บนฟันทุกซี่ จะถูกร้อยเข้าหากันด้วยลวด เด็กๆสามารถเลือกสียางเพื่อมัดเครื่องมือเข้ากับลวด โยทันตแพทย์จะคอยๆ ปรับเครื่องมือเพื่อเรียงฟันของเราให้สวย ทั้งหมดนี้คือขั้นตอนการจัดฟันในเด็ก และภายหลังจากการจัดฟันหรือติดตั้งเครื่องมือการจัดฟันเสร็จเรียบร้อยแล้ว เด็กๆควรปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัด และทำความสะอาดช่องปากและฟันให้สะอาดอยู่เสมอ

สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใดสนใจให้บุตรหลานของท่าน เข้ารับการจัดฟันในเด็ก สามารถปรึกษาทันตแพทย์ที่คลินิกได้ ทางเรามีทันตแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านการจัดฟันในเด็กมากอย่างยาวนาน สามารถให้คำปรึกษาได้อย่างถูกต้องแน่นอน เพราะเราอยากให้เด็กทุกคนได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการดูแลรักษาความสะอาดของสุขภาพช่องปากและะฟัน เพื่อที่จะได้มีฟันที่แข็งแรง มีรอยยิ้มที่สดใส มั่นใจมากยิ่งขึ้น

2
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)
ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”
‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)

สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


3
หมอออนไลน์: โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid arthritis)

โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (โรคปวดข้อรูมาตอยด์ ก็เรียก) เป็นโรคเรื้อรังชนิดหนึ่ง พบได้ประมาณร้อยละ 1-3 ของคนทั่วไป พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายประมาณ 4-5 เท่า และพบมากในช่วงอายุ 20-50 ปี แต่ก็พบได้ในคนทุกเพศทุกวัย

สาเหตุ

โรคนี้พบว่ามีการอักเสบเรื้อรังของเยื่อบุข้อเกือบทุกแห่งทั่วร่างกายพร้อม ๆ กัน ร่วมกับมีการอักเสบของพังผืดหุ้มข้อ เส้นเอ็นและกล้ามเนื้อรอบ ๆ ข้อ เชื่อว่าเป็นผลมาจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมีการตอบสนองอย่างผิดปกติต่อเชื้อโรค หรือสารเคมีบางอย่าง (ซึ่งในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่นอน) ทำให้มีการสร้างสารภูมิต้านทาน (แอนติบอดี) ที่มีปฏิกิริยาต่อเนื้อเยื่อในบริเวณข้อของตัวเอง เรียกว่า ปฏิกิริยาภูมิต้านตนเอง (autoimmune)

พบว่าอาจมีปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคนี้ได้มากขึ้น เช่น การมีประวัติว่ามีพ่อแม่หรือญาติพี่น้องเป็นโรคนี้ การสูบบุหรี่ ภาวะน้ำหนักเกินหรืออ้วน

อาการ

ผู้ป่วยส่วนมากจะมีอาการค่อยเป็นค่อยไป เริ่มด้วยอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อและกระดูกนำมาก่อนนานเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือน แล้วต่อมาจึงมีอาการอักเสบของข้อปรากฏให้เห็น

ส่วนน้อยอาจมีอาการของข้ออักเสบเกิดขึ้นฉับพลันภายหลังได้รับบาดเจ็บ เป็นโรคติดเชื้อ หลังผ่าตัด หลังคลอด หรืออารมณ์เครียด ซึ่งบางรายอาจมีอาการไข้ ต่อมน้ำเหลืองโต ม้ามโตร่วมด้วย

ข้อที่เริ่มมีอาการอักเสบก่อน ได้แก่ ข้อนิ้วมือนิ้วเท้า ข้อมือ ข้อเท้า ข้อเข่า ต่อมาจะเป็นที่ข้อไหล่ ข้อศอก

ผู้ป่วยจะมีลักษณะจำเพาะ คือมีอาการปวดข้อพร้อมกันและคล้ายคลึงกันทั้ง 2 ข้าง และข้อจะบวมแดงร้อน นิ้วมือนิ้วเท้าจะบวมเหมือนรูปกระสวย ต่อมาอาการอักเสบจะลุกลามไปทุกข้อทั่วร่างกาย ตั้งแต่ข้อขากรรไกรลงมาที่ต้นคอ ไหปลาร้า ข้อไหล ข้อศอก ข้อมือ ข้อนิ้วมือลงมาจนถึงข้อเท้าและข้อนิ้วเท้า

บางรายอาจมีอาการอักเสบของข้อเพียง 1 ข้อ หรือไม่กี่ข้อ และอาจเป็นเพียงข้างใดข้างหนึ่งของร่างกาย (ไม่เกิดพร้อมกันทั้ง 2 ข้างของร่างกาย) ก็ได้

อาการปวดข้อและข้อแข็ง (ขยับลำบาก) มักจะเป็นมากในช่วงตื่นนอนหรือตอนเช้า ทำให้รู้สึกขี้เกียจหรือไม่อยากตื่นนอน พอสาย ๆ หรือหลังมีการเคลื่อนไหวของร่างกายจะทุเลา

บางรายอาจมีการปวดข้อตอนกลางคืน จนนอนไม่หลับ

อาการปวดข้อจะเป็นอยู่ทุกวัน และมากขึ้นทุกขณะนานเป็นแรมเดือนแรมปี โดยมีบางระยะอาจทุเลาไปได้เอง แต่จะกลับกำเริบรุนแรงขึ้นอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะมีความเครียดหรือขณะตั้งครรภ์

ถ้าข้ออักเสบเรื้อรังอยู่หลายปี ข้ออาจจะแข็งและพิการได้

นอกจากนี้ ผู้ป่วยบางรายยังอาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ภาวะโลหิตจาง ฝ่ามือแดง มีผื่นหรือตุ่มขึ้นตามผิวหนัง อาการปวดชาปลายมือจากภาวะเส้นประสาทมือถูกพังผืดรัดแน่น อาการนิ้วมือนิ้วเท้าซีดขาวและเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำเวลาถูกความเย็น (Raynaud’s phenomenon) ต่อมน้ำเหลืองโต ม้ามโต ตาอักเสบ หูอื้อ หูตึง หัวใจอักเสบ หลอดเลือดแดงอักเสบ ปอดอักเสบ ภาวะมีน้ำในโพรงเยื่อหุ้มปอด ไข้ต่ำ ๆ น้ำหนักลด เป็นต้น

ภาวะแทรกซ้อน

ถ้าเป็นรุนแรงและเรื้อรังอาจทำให้ข้อพิการผิดรูปผิดร่าง ใช้การไม่ได้ บางรายอาจมีการผุกร่อนของกระดูก ในบ้านเราพบว่ามีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่อาจมีภาวะแทรกซ้อนดังกล่าว

นอกจากนี้ ผู้ที่เป็นโรคนี้ยังอาจมีความเสี่ยงต่อการเป็นเส้นประสาทมือถูกพังผืดรัดแน่น (โรคคาร์พัลทูนเนล) โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ มะเร็งต่อมน้ำเหลือง และโรคปอดเรื้อรัง (จากการอักเสบและกลายเป็นพังผืดของเนื้อเยื่อปอด)

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ ดังนี้

ในระยะแรกอาจตรวจไม่พบอาการชัดเจน ในระยะที่เป็นมากอาจพบข้อนิ้วมือนิ้วเท้าบวมเหมือนรูปกระสวย

แพทย์จะทำการวินิจฉัยโดยการตรวจเลือดจะพบค่าอีเอสอาร์ (ESR)* และ c-reactive protein สูง และมักจะพบรูมาตอยด์แฟกเตอร์ (rheumatoid factor) และสารภูมิต้านทานที่มีชื่อว่า "Anti-cyclic citrullinated peptide (anti-CCP) antibodies"

การตรวจเอกซเรย์ข้อจะพบมีการสึกกร่อนของกระดูก และความผิดปกติของข้อ

นอกจากนี้ แพทย์อาจทำการตรวจอัลตราซาวนด์และถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) เพื่อประเมินความรุนแรงของโรค

*อีเอสอาร์ (ESR) ย่อจาก erythrocyte sedimentation rate หมายถึง อัตราการตกตะกอนของเม็ดเลือดแดง ค่าปกติต่ำกว่า 20 มม. ใน 1 ชั่วโมง

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

เริ่มแรกจะให้ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (เช่น ไอบูโพรเฟน ไดโคลฟีแนก นาโพรเซน)

ยานี้ต้องกินติดต่อกันทุกวัน นานเป็นเดือน ๆ หรือปี ๆ จนกว่าอาการจะทุเลา

ขณะเดียวกันก็จะให้การรักษาทางกายภาพบำบัดร่วมไปด้วย เช่น การใช้น้ำร้อนประคบ การแช่หรืออาบน้ำอุ่น ซึ่งมักจะแนะนำให้ทำในตอนเช้านาน 15 นาที

ผู้ป่วยควรพยายามขยับข้อต่าง ๆ อย่างช้า ๆ ท่าละ 10 ครั้ง ทำซ้ำทุก 1-2 ชั่วโมง จะช่วยลดอาการเจ็บปวดลงได้

แพทย์จะแนะนำให้ผู้ป่วยทำการฝึกกายบริหารในท่าต่าง ๆ ซึ่งควรทำเป็นประจำทุกวัน จะช่วยให้ข้อทุเลาความฝืดและเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น

นอกจากนี้ผู้ป่วยควรหาเวลาพักผ่อน สลับกับการทำงาน หรือการออกกำลังกายเป็นพัก ๆ

ในรายที่เป็นรุนแรง อาจต้องนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลนานเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือน และอาจต้องเข้าเฝือกเพื่อให้ข้อที่ปวดได้พักอย่างเต็มที่

ถ้าให้ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ไม่ได้ผล อาจต้องให้สเตียรอยด์ เพื่อลดการอักเสบ แต่จะให้กินเป็นระยะสั้น

นอกจากนี้ แพทย์จะพิจารณาให้ยากลุ่ม Disease-modifying antirheumatic drugs (DMARDs) ที่ช่วยชะลอความรุนแรงของโรค และป้องกันภาวะข้อถูกทำลาย เช่น ไฮดรอกซีคลอโรควีน (hydroxychloroquine), เมโทเทรกเซต (methotrexate), ซัลฟาซาลาซีน (sulfasalazine), ไซโคลสปอริน (cyclosporin), เลฟลูโนไมด์ (leflunomide) เป็นต้น ซึ่งมักจะได้ผลค่อนข้างดี และช่วยให้โรคมีระยะสงบ ไม่มีอาการ (remission) ไปได้

หากไม่ได้ผล แพทย์อาจให้ยาต้านการอักเสบกลุ่มใหม่ ๆ (เช่น etanercept, infliximab, rituximab, baricitinib, tofacitinib) ซึ่งมักให้ร่วมกับเมโทเทรกเซต (methotrexate)

ในรายที่รักษาด้วยยาไม่ได้ผล และข้อถูกทำลายผิดรูปผิดร่าง ใช้การไม่ได้ แพทย์จะพิจารณาทำการผ่าตัดแก้ไข รวมทั้งการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเทียม (joint replacement) เพื่อให้กลับมาใช้การได้

การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการปวดข้อและข้อแข็ง (ขยับลำบาก กำมือลำบาก) ซึ่งมักจะเป็นมากในช่วงตื่นนอนหรือตอนเช้า หรือมีอาการปวดข้อนิ้วมือทุกข้อพร้อมกันและคล้ายคลึงกันทั้ง 2 ข้าง  ข้อนิ้วมือบวมเหมือนรูปกระสวย หรือมีอาการอักเสบของข้อเพียง 1 ข้อ หรือไม่กี่ข้อ ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    หมั่นบริหารข้อตามคำแนะนำของแพทย์ เช่น ขยับข้อต่าง ๆ อย่างช้า ๆ ท่าละ 10 ครั้ง ทำซ้ำทุก 1-2 ชั่วโมง, ใช้น้ำอุ่นจัด ๆ ประคบ, แช่หรืออาบน้ำอุ่น
    ลดน้ำหนักถ้ามีภาวะน้ำหนักเกินหรืออ้วน
    ออกกำลังกายที่ไม่รุนแรง เช่น การเดินเร็ว ว่ายน้ำ รำมวยจีน เป็นต้น
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน ถ้ากินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา (เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ถ่ายอุจจาระดำ ท้องเดิน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ) ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด

การป้องกัน

ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผล เนื่องจากโรคนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด

ควรป้องกันไม่ให้โรคลุกลาม โดยการไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษาแต่เนิ่น ๆ เมื่อสังเกตว่ามีอาการที่น่าสงสัย

ข้อแนะนำ

1. โรคนี้มีระยะสงบ (ไม่มีอาการ) และอาการข้ออักเสบกำเริบสลับกันไป ส่วนน้อยที่อาจหายขาด และส่วนน้อยที่จะเป็นรุนแรงเกิดข้อพิการในเวลารวดเร็ว ผู้ป่วยควรติดตามการรักษากับแพทย์อย่างต่อเนื่อง การใช้ยา การรักษาทางกายภาพบำบัด การกำหนดเวลาพักผ่อน ทำงาน และออกกำลังกายให้พอเหมาะ จะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถทำงานได้เป็นปกติส่วนใหญ่

2. หัวใจของการรักษาโรคอยู่ที่การปฏิบัติตัวของผู้ป่วยเป็นสำคัญ กล่าวคือ จะต้องพยายามเคลื่อนไหวข้อและฝึกกายบริหารเป็นประจำทุกวัน อย่าอยู่นิ่ง ๆ เพราะยิ่งอยู่นิ่งข้อยิ่งฝืดแข็ง และขยับยากยิ่งขึ้น

3. ผู้ป่วยไม่ควรซื้อยาชุดกินเอง เพราะถึงแม้จะช่วยให้อาการทุเลาได้ แต่ก็อาจเกิดโทษจากยาสเตียรอยด์ หรือยาอันตรายอื่น ๆ ที่ผสมอยู่ในยาชุด

4. เนื่องจากยาที่ใช้รักษาโรคนี้ส่วนใหญ่มีผลข้างเคียงในลักษณะต่าง ๆ กัน ผู้ป่วยควรขอคำแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับการใช้ยาและผลข้างเคียงของยาที่ใช้ หากมีอาการที่สงสัยว่าเกิดจากผลข้างเคียง (เช่น ปวดแสบ ปวดจุกแน่นท้อง ถ่ายอุจจาระดำ เป็นไข้ หรือเป็นโรคติดเชื้อบ่อย) เป็นต้น ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด

5. ชาวบ้านอาจมีความสับสนในคำศัพท์ต่าง ๆ ที่ใช้เรียกเกี่ยวกับอาการปวดข้อ เช่น คำว่า รูมาติสซั่ม (rheumatism) ซึ่งหมายถึงภาวะต่าง ๆ ที่ทำให้มีอาการเจ็บปวด ปวดเมื่อย หรือปวดล้าของข้อ เส้นเอ็นหรือกล้ามเนื้อ ดังนั้นจึงเป็นคำที่ใช้เรียกอาการปวดข้อ ปวดเส้นเอ็นและปวดเมื่อยกล้ามเนื้อโดยรวม ๆ ซึ่งสามารถแบ่งแยกสาเหตุได้มากมาย (ตรวจอาการปวดข้อ) ดังนั้น รูมาติสซั่ม (โรคปวดข้อ) จึงอาจมีสาเหตุจากข้อเสื่อม โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ไข้รูมาติก โรคเกาต์ และอื่น ๆ ไม่ได้หมายถึงโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์โดยเฉพาะ

4
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


5
เครื่องมือการจัดฟัน EF LINE ต่างจากการเครื่องมือการจัดฟันเด็กแบบเหล็กจัดฟันอย่างไร

หลายคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่า การจัดฟันในเด็ก สามารถแก้ไขปัญหาฟันที่มความผิดปกติในเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากเด็กไทยส่วนใหญ่มีการเกิดฟันผุมาก ซึ่งมีสาเหตุมาจากการเลี้ยงดูของพ่อแม่ผู้ปกครอง และพฤติกรรมในวัยเด็กที่อาจจะมีเข้าข่ายมีความเสี่ยงที่อาจจะทำให้เกิดปัญหาฟันในอนาคต ซึ่งในความเป็นจริง การเกิดความผิดปกติของการสบฟันที่เกิดกับเด็ก ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ก็ตามก็สามารถเกิดได้ทั้งนั้น  ดังนั้น เด็กควรที่จะได้รับการตรวจและรักษาโดยทันตแพทย์จัดฟันตั้งแต่อายุยังน้อย ซึ่งจะสามารถแก้ไขปัญหาฟันได้ดีกว่าเป็นวัยรุ่น ซึ่งเด็กสามารถเข้ารับการจัดฟันในเด็กได้ตั้งแต่อายุ 4-15 ปี หรือในวัยที่กำลังมีฟันแท้งอกออกมา แต่โดยทั่วไป


การจัดฟันในเด็กอายุต่ำว่า 10 ปี มักเป็นการจัดฟันบางส่วน จุดประสงค์ก็เพื่อการรักษาเฉพาะบริเวณ เพื่อป้องกันเบื้องต้น หรือช่วยลดความรุนแรงของปัญหา ซึ่งเมื่อเด็กโตพอ ก็มักจะต้องจัดฟันทั้งปากต่อไป หรือเหมาะสำหรับการจัดฟันแบบใช้เครื่องมือ EF LINE ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาฟันในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 10 ปี ได้อย่างดีเลยทีเดียว

เพราะเนื่องจากเด็กบางคนในวัยนี้ ยังไม่สามารถดูแลตัวเองในเรื่องของการทำความสะอาดช่องปากและฟันได้ไม่ดีเท่าที่ควร อาจจะยังไม่สามารถให้ความร่วมมือกับทันตแพทย์จัดฟันได้ดีเท่าที่ควร จึงเหมาะสมที่จะเข้ารับการจัดฟันด้วยการใช้เครื่องมือ EF LINE พ่อแม่ผู้ปกครองหลายคนอาจจะยังไม่เข้าใจในเรื่องของการจัดฟันในเด็ก แบบ EF LINE ว่าจะมีความแตกต่างกับการจัดฟันในเด็กที่สวมใส่เครืองมือแบบติดแน่น ดังนั้น วันนี้เราจะมาพูดถึงข้อแตกต่างของการจัดฟันในเด้กแบบ EF LINE และการจัดฟันในเด็กแบบสวมใส่เครื่องมือแบบติดแน่น ให้พ่อแม่ผู้ปกครองได้เป้นแนวทางในการจัดสินใจพาเด็กเข้ารับการจัดฟันในเด็กเพื่อแก้ไขปัญหาฟัน
 
ในปัจจุบันได้มีการศึกษาในเรื่องของทันตกรรมในเด็ก ซึ่งพบว่า กล้ามเนื้อใบหน้าและลิ้นมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงรูปร่าง ขนาด และการทำงานของกระดูกขากรรไกรและใบหน้า ดังนั้น จึงมีการออกแบบเครื่องมือเพื่อทำการปรับแก้ไขปัญหาของกล้ามเนื้อซึ่งต้องร่วมกับการฝึกโดยการออกกำลังกล้ามเนื้อ การปรับเปลี่ยนการหายใจให้ถูกวิธี

รวมถึงการใช้เครื่องมือเพื่อช่วยปรับการกลืนให้ถูกต้อง โดยเครื่องมือดังกล่าวมีชื่อเรียกว่า EF LINE ซึ่งเครื่องมือดังกล่าว เป็นชุดเครื่องมือที่สามารถใช้แก้ไขปัญหากล้ามเนื้อที่มีการทำงานผิดปกติ ช่วยปรับตำแหน่งของลิ้น ช่วยส่งเสริมการปรับรูปของกระดูกโดยเราทราบว่ากระบวนการเจริญเติบโตของเด็กที่เกี่ยวข้องกับกระดูกใบหน้าส่วนกลางและกระดูกขากรรไกรล่างมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องมากน้อยตามแต่ช่วงอายุ

ดังนั้น ตามหลักการแล้วหากต้องการปรับโครงสร้างใบหน้าจึงต้องทำการเริ่มแก้ไขในช่วงที่เด็กยังมีการเจริญเติบโต  โดยสามารถใช้ได้ตั้งแต่อายุ 4 ขวบ จนถึงอายุ 15 ปี โดยเครื่องมือในกลุ่มนี้มีความหลากหลายในการแก้ปัญหาที่แตกต่างกัน เช่น ปัญหารูปหน้าที่มีคางหลุบ ค้างเบี้ยวกระดูกและฟันบนยื่น และกรณีที่เด็กมีรูปหน้าสั้นซึ่งต้องการเพิ่มความสูงใบหน้า เป็นต้น

ซึ่งจะแตกต่างจากการจัดฟันในเด็กที่ใส่เครื่องมือแบบติดแน่น ก็คือ การจัดฟันในเด็กแบบใส่เหล็กจัดฟันนั้น ก็เหมือนกับการจัดฟันในวัยผู้ใหญ่ เพราะใช้เครื่องมือแบบเดียวกัน และมีการดูแลรักษาที่เหมือนกัน เหมาะสำหรับเด็กที่มีอายุ 10 ปีขึ้นไป เพราะเด็กในวัยนี้ จะสามารถให้ความร่วมมือกับทันตแพทย์ได้ดีกว่า และจะต้องมีวิธีการดูแลรักษาที่ค่อนข้างซับซ้อน ดังนั้น เครื่องมือการจัดฟันแบบติดแน่น จึงไม่เหมาะสมกับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 10 ปี เพราะยังไม่สามารถให้ความร่วมมือกับทันตแพทย์ได้นั่นเอง

สำหรับใครที่อยากพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็กก็สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการจัดฟันในเด็ก รวมไปถึงด้านทันตกรรมในเด็กในด้านอื่นๆด้วย จากประสบการณ์อย่างยาวนานในวงการทันตกรรมทำให้สามารถให้คำปรึกษาและช่วยแก้ไขปัญหาฟันในเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะเราอยากให้เด็กทุกคนมีทัศนคติที่ดีต่อการดูแลสุขภาพช่องปากและฟัน เพื่อที่จะเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีและสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุข

6
รู้เรื่องขนย้าย ช่วยให้ง่ายกว่าที่คิด! รถรับจ้างใกล้ฉัน รถรับจ้างขอนแก่น

แค่ได้ยินคำว่า ขนย้าย ก็ปวดหัวแล้วใช่ไหม? ลองจินตนาการดูสิค่ะว่า บ้านทั้งหลังที่เต็มไปด้วยข้าวของ เสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ หนังสือ ของสะสม และสารพัดสิ่งที่เราไม่เคยรู้ตัวว่ามีอยู่ กลายเป็นภารกิจที่ต้อง แพ็ก จัด ขน และจัดวางใหม่ ให้เสร็จภายในไม่กี่วัน แต่เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งถอดใจเรื่องขนย้ายค่ะ รถรับจ้างขอนแก่น ช่วยคุณได้ ความจริงแล้ว การขนย้ายบ้านไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ถ้าเรามีความรู้และวางแผนอย่างถูกต้อง มาดูกันว่าแค่รู้เรื่องขนย้าย ก็สามารถเปลี่ยนจากเรื่องวุ่นวายให้กลายเป็นภารกิจที่คุณควบคุมได้ง่ายๆ อย่างไร มาดูกัน

1. วางแผนให้เป็นมือโปร

การย้ายบ้านที่ราบรื่น เริ่มต้นจากแผนที่ดี รถรับจ้างขอนแก่น แนะนำให้เริ่มต้นจากวางแผนล่วงหน้าอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ ทำรายการข้าวของ ที่ต้องขนย้าย จัดหมวดหมู่ และแยกสิ่งที่ไม่จำเป็นออก ควรคิดล่วงหน้าว่าจะจัดของชิ้นใหญ่ (เช่น โซฟา ตู้เย็น เตียง) อย่างไร และสามารถเข้า-ออกประตูบ้านได้หรือไม่ และที่สำคัญควรวางแผนเส้นทางการเดินทางโดยเฉพาะถ้าคุณต้องขนย้ายต่างจังหวัด พื้นที่ห่างไกลค่ะ

2. แพ็กของให้เป็นศิลปะ

การแพ็กของเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ เลือกใช้กล่องที่แข็งแรงและพอดีกับประเภทของของ เช่น กล่องหนังสือ กล่องเสื้อผ้า กล่องจานชาม ทำสัญลักษณ์ แปะป้ายชื่อให้เรียบร้อย ควรเลือกใช้ บับเบิ้ลกันกระแทก สำหรับของที่เปราะบาง เสี่ยงที่จะแตกหักง่าย ควรแพ็กของตามลำดับความสำคัญ สิ่งของที่จำเป็นต้องใช้ก่อนควรอยู่ในกล่องที่หยิบง่ายที่สุดค่ะ

3. เลือกทีมขนย้ายที่ไว้ใจได้

อย่าคิดว่าใครก็ขนของได้ รถรับจ้างขอนแก่น บริษัทขนย้ายมืออาชีพสามารถช่วยคุณได้มากกว่าที่คิด เพราะจะมีอุปกรณ์พร้อม เช่น รถขนย้าย รถยก เครื่องมือเคลื่อนย้าย อีกทั้งยังมีบุคลากรที่รู้วิธีจัดวาง ป้องกันความเสียหาย อีกทั้งยังมีประกันความเสียหาย ช่วยให้คุณอุ่นใจ ซึ่งมาพร้อมกับบริการเสริม เช่น แพ็กของให้ จัดบ้านใหม่ให้เสร็จสรรพค่ะ

4. จัดบ้านใหม่อย่างมีความสุข

การขนย้ายไม่ใช่แค่ “ย้ายของ” แต่คือการเริ่มต้นใหม่ และแน่นอนว่าเป็นโอกาสที่ดีที่จะใช้โอกาสนี้เคลียร์ของ ที่ไม่ได้ใช้ไปบริจาคหรือขายมือสองได้ และได้วางแผนการจัดบ้านใหม่ตามไลฟ์สไตล์ของคุณ จัดโซนให้เหมาะกับการใช้งาน เช่น มุมทำงาน มุมพักผ่อน สร้างบรรยากาศใหม่ด้วยต้นไม้ กลิ่นหอม หรือแสงไฟอบอุ่น อย่างมีความสุขค่ะ
รู้เรื่องขนย้าย = ขนย้ายแบบมีชัยไปกว่าครึ่ง

การขนย้ายไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่จนคุณจัดการไม่ได้ แค่คุณมี แผนที่ดี ทีมที่ไว้ใจได้ และใจที่พร้อมเริ่มต้นใหม่ ทุกอย่างก็จะราบรื่นกว่าที่คิดแล้วค่ะ และจำไว้ว่า บ้านไม่ใช่แค่ที่อยู่ แต่มันคือที่ที่คุณวางใจ และเริ่มต้นเรื่องราวบทใหม่ในชีวิตค่ะ
เริ่มต้นขนย้าย เริ่มกับ รถรับจ้างขอนแก่น

ให้ทุกการขนย้ายเป็นเรื่องง่าย...ตั้งแต่ก้าวแรก! เมื่อถึงเวลาต้องขนย้ายบ้าน หอพัก คอนโด สำนักงาน หรือแม้แต่สินค้าธุรกิจ สิ่งหนึ่งที่หลายคนมองหาเป็นอันดับแรกคือ รถรับจ้าง ที่เชื่อถือได้ ราคาไม่แรง และให้บริการครบครัน แต่รู้ไหมว่าความสำเร็จของการขนย้ายไม่ได้อยู่แค่รถ แต่อยู่ที่ทีมงานมืออาชีพ และความเข้าใจในความต้องการของลูกค้า และนี่แหละคือสิ่งที่ขนส่ง รถรับจ้างขอนแก่น ทำได้เหนือกว่าใคร
ขนของครบ จบในที่เดียว! ตั้งแต่กระบะถึงเฮี๊ยบ บริการด้วยใจ พร้อมไปกับคุณทุกเส้นทาง

หากคุณกำลังมองหารถรับจ้างในขอนแก่นที่ ครอบคลุมทุกขนาดการขนส่ง ไม่ว่าจะขนย้ายเล็ก ขนของใหญ่ หรือขนงานก่อสร้างระดับโปรเจกต์ขนส่ง คือคำตอบที่ใช่ที่สุด เพราะเราไม่ได้แค่มี “รถรับจ้างขอนแก่น” แต่เรามี รถรับจ้างที่ตรงกับความต้องการของคุณ ทุกประเภท พร้อมทีมงานมืออาชีพที่ดูแลคุณตั้งแต่ต้นจนจบ
บริการรถหลากหลายประเภท ครบทุกสถานการณ์

   
รถกระบะ

เหมาะสำหรับงานขนย้ายขนาดเล็ก เช่น ย้ายหอพัก คอนโด กล่องพัสดุ งานเอกสาร ฯลฯ

✔ คล่องตัว วิ่งเข้าได้แม้ในซอยแคบ

✔ มีทั้งแบบตู้ทึบ และคอกเหล็ก

   
รถสี่ล้อใหญ่

สำหรับของชิ้นใหญ่แต่ยังต้องการความคล่องตัว เช่น เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์สำนักงาน บรรจุของได้มากขึ้น แต่ยังเคลื่อนตัวได้ในเมือง

   
รถหกล้อ

เหมาะกับงานขนย้ายระดับกลางถึงใหญ่ เช่น ย้ายบ้านทั้งหลัง ขนเครื่องจักร ขนสินค้าในปริมาณมาก

✔ รับน้ำหนักได้ถึง 5-7 ตัน

✔ มีผ้าใบคลุม ป้องกันฝนและแดด

   
รถสิบล้อ

เหมาะกับงานอุตสาหกรรม งานก่อสร้าง หรือธุรกิจขนส่งระหว่างจังหวัด

✔ วิ่งไกล ขนของจำนวนมาก

✔ ปลอดภัยตามมาตรฐานกรมขนส่ง

   
รถเทรลเลอร์

สำหรับงานหนักระดับโปรเจกต์ เช่น ขนเครื่องจักรใหญ่ ตู้คอนเทนเนอร์ เหล็กเส้น หรือวัตถุก่อสร้างขนาดใหญ่

✔ ขนของหนักพิเศษ

✔ มีระบบล็อก ป้องกันการเลื่อนไถล

   
รถเฮี๊ยบ (ติดเครน)

ไม่ใช่แค่ขน แต่ ยกและขนได้ในคันเดียว เหมาะกับงานติดตั้งวัสดุก่อสร้าง ยกของขึ้นอาคาร ขนเครื่องจักร ฯลฯ

✔ เครนยกได้สูง ปลอดภัยทุกขั้นตอน

✔ เหมาะกับไซต์งานที่ไม่มีเครนประจำ

บริการมากกว่าแค่ขับรถขนส่ง ไม่ได้แค่ให้รถ เรา รถรับจ้างขอนแก่น ให้ บริการขนย้ายอย่างครบวงจร ทีมงานมืออาชีพ ยกของอย่างระมัดระวัง มีอุปกรณ์ช่วยยก พร้อมเชือก มัดตรึงของ จัดวางของอย่างเป็นระบบ ป้องกันเสียหาย รับรองมาที่นี่ครบจบในที่เดียว รถรับจ้างขอนแก่น

7
รถรับจ้างย้ายบ้าน รถรับจ้างพิษณุโลก ขนย้ายดี ราคาถูก

รถรับจ้างพิษณุโลก ขนส่งยินดีให้บริการลูกค้า ที่มีความประสงค์ต้องการอยากจะขนย้ายของ ย้ายบ้านพิษณุโลก ย้ายห้องพักพิษณุโลก ย้ายคอนโด ขนย้ายสินค้าทางการเกษตร ขนย้ายสัตว์เลี้ยง ขนย้ายสำนักงานออฟฟิศ หรืองานขนของอื่นๆอีกมากมาย เนื่องจากที่นี่คือ รถรับจ้างขนของจังหวัดพิษณุโลก ที่ให้บริการ รับจ้างขนย้ายของมาอย่างยาวนานกว่า 15 ปี

งานบริการที่มีความสมบูรณ์ ปลอดภัยราคาไม่แพงจาก รถขนของที่มากมายหลากหลายประเภท อันได้แก่ รถกระบะรับจ้างพิษณุโลก รถ4ล้อรับจ้างพิษณุโลก รถรับจ้าง 4 ล้อใหญ่พิษณุโลก รถ6ล้อรับจ้างพิษณุโลก รถหกล้อรับจ้างย้ายบ้านพิษณุโลก รถเฮี๊ยบรับจ้างพิษณุโลก รถรับจ้างขนย้ายของพิษณุโลก รถเทรลเลอร์รับจ้างพิษณุโลก และรถให้บริการอื่นๆอีกมากมาย ที่นี่ให้บริการด้วยความเป็นกันเอง มีความรวดเร็วตรงเวลา และให้บริการในหลายพื้นที่ในจังหวัดพิษณุโลกโดยที่ผู้ใช้บริการสามารถเรียกใช้บริการได้ที่เขตต่างๆดังนี้

ย้ายของอำเภอเมืองพิษณุโลก

ย้ายของอำเภอนครไทย

ย้ายของอำเภอชาติตระการ

ย้ายของอำเภอเนินมะปราง

ย้ายของอำเภอบางกระทุ่ม

ย้ายของอำเภอบางระกำ

ย้ายของอำเภอพรหมพิราม

ย้ายของอำเภอวังทอง

ย้ายของอำเภอวัดโบสถ์

หรืออีกหนึ่งช่องทางที่สามารถติดต่อสอบถามค่าใช้บริการหรือติดต่อประสานงานในเรื่องของรายละเอียดได้ง่ายๆที่เบอร์

1.เช็คปริมาณสินค้าที่มีขนาดใหญ่ที่สุด เช่น ตู้เสื้อผ้ามีกี่ใบ เตียงนอนมีกี่ชุด มีเคาน์เตอร์มีโซฟา หรือ โต๊ะทำงานหรือไม่ เพราะสินค้าที่มีขนาดใหญ่จะทำให้ เราต้องวางแผนคนยกสินค้าว่าจะต้องใช้คนยกทั้งหมดกี่คนในการขนย้ายของในแต่ละครั้ง นั่นหมายถึงไม่ว่าจะเป็นงาน ขนย้ายออฟฟิศ ขนย้ายบ้าน หรือขนย้ายสำนักงานล้วนแล้วแต่ ต้องใช้คนยกที่มากกว่า 3 คนเป็นอย่างน้อย

2.การจัดเก็บสินค้าลงในกล่องบรรจุสินค้าจะต้องมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย โดยที่เราจะช่วยลูกค้าในการช่วยดูกล่องสินค้าโดยจะทำการจัดเรียงของขึ้นบนรถให้มีความเป็นระเบียบ เลือกขนาดกล่องที่มีขนาดใกล้เคียงกันวางจุดพื้นที่เดียวกันเพื่อจะได้ง่ายต่อการจัดเรียงส่วนสินค้าที่มีขนาดใหญ่จะต้องวางชิดด้านใน เพื่อป้องกันการไหล หรือกระแทก

3.สินค้าที่จะทำการขนย้ายอยู่ชั้นไหนบ้าง ในบางครั้งเราเคยขนย้ายสินค้าที่อยู่บนคอนโดสูงๆ หรือย้ายบ้านที่มี 2 หรือ 3 ชั้น การจะทำการขนย้ายนั้นจะต้องดูว่าสินค้านั้นสามารถลงลิฟท์ได้ทั้งหมดหรือไม่หรือสินค้าที่มีขนาดใหญ่สามารถออกจากประตูได้หรือเปล่า จะต้องใช้พนักงานในการ ถอดประกอบด้วยหรือไม่ ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างมากในการให้บริการ รถรับจ้างขนของพิษณุโลก ของเราเพราะจะต้องตรวจสอบรายละเอียดดังกล่าวเพื่อวางแผนและประเมิน

4.พนักงานยกสินค้ามีความชำนาญและผ่านการฝึกอบรมเป็นอย่างดี แน่นอนว่าการขนย้ายจะลดความเสียหายได้มากที่สุดนั่นก็คือจะต้องมีพนักงานยกสินค้าที่มีความเก่งและมีความชำนาญในการขนย้ายสำหรับขนส่งแล้วผู้ให้บริการรถรับจ้างนั้นจะมีความชำนาญในเรื่องของพนักงานยกสินค้ามากพอสมควร จะมีความระมัดระวังในการขนย้ายสินค้าของลูกค้าตลอดการเดินทาง

5.รถที่ใช้ในการขนย้ายของจะต้องมีความสะอาด แน่นอนว่า รถรับจ้างจังหวัดพิษณุโลก ของเรานั้นไม่ว่าจะเป็น รถกระบะรับจ้าง รถ 4 ล้อใหญ่รับจ้าง รถรับจ้าง 6 ล้อ หรือรถ 6 ล้อรับจ้างขนของ รถสิบล้อรับจ้าง และรถขนของอื่นๆของเรานั้นจะมีการทำความสะอาดรถที่ให้บริการก่อนที่จะวิ่งเข้าสู่หน้างาน ดังนั้นลูกค้าไม่ต้องกังวลในเรื่องของความสะอาดแต่อย่างใด ขนส่ง ของเราให้บริการรถรับจ้างขนของประเภทนี้มาอย่างยาวนานมีความชำนาญและมองงานได้อย่างไม่มีปัญหา

นี่เป็นเป็น 5 ขั้นตอนง่ายๆที่ ขนส่ง ของเราให้บริการ รถรับจ้างพิษณุโลก แก่ลูกค้าด้วยความ เป็นกันเองและด้วยความตั้งใจ งานที่เราให้บริการรับจ้างขนของไม่ว่าจะเป็นงาน รับจ้างขนย้ายบ้านพิษณุโลก รับจ้างขนย้ายสำนักงานพิษณุโลก รับจ้างขนย้ายออฟฟิศพิษณุโลก รับจ้างขนย้ายห้องพักจังหวัดพิษณุโลก

รับจ้างย้ายห้องพัก รับจ้างขนย้ายสินค้าทางการเกษตร สินค้าอุปโภคบริโภค หรืองานบริการรับจ้างขนของทั่วไปเราจะมีการเน้นในเรื่องของคุณภาพของงานให้มีความ ปลอดภัยต่อสินค้าของลูกค้าทุกราย เรามีความตั้งใจจริงและมีความรักในงานบริการที่asE มาทางที่อยู่ที่ให้ข้างบนนี้ได้เลยนะคะขอบคุณมากค่ะ
เรารู้หรือไม่ว่างานให้บริการขนย้ายของในแต่ละครั้งนั้นจะต้องมีการเตรียมในเรื่องของรายละเอียดและกระบวนการในการจัดการเรื่องการ ขนย้ายของให้เป็นระบบระเบียบเพื่อที่ว่าสินค้าของผู้ใช้บริการไม่ชำรุดเสียหาย

ดังนั้นงานบริการ รถรับจ้างขนของ ที่มีความเป็นมืออาชีพจะต้องทำการวางแผนและวิเคราะห์งานรับจ้างขนของให้เป็นอย่างดี ดังนั้นวันนี้เราจะมาคลายความเครียดให้กับลูกค้าที่มีความกังวลว่าการใช้ บริการรถรับจ้างขนของพิษณุโลก นั้นจะมีผลต่อสินค้าของเราหรือไม่หรือจะทำให้สินค้าของเราชำรุดเสียหายหรือไม่ มาดูกันว่างานบริการจะต้องมีการ เตรียมหรือวางรูปแบบการขนย้ายไว้อย่างไร

8
หมอออนไลน์: พยาธิใบไม้ตับ

พยาธิใบไม้ตับ เป็นพยาธิที่ทำให้เกิดการติดเชื้อภายในท่อน้ำดีตับจากการบริโภคปลาหรือสัตว์น้ำดิบ ๆ หรือกึ่งสุกกึ่งดิบ โดยพยาธิใบไม้ตับจะอาศัยร่างกายของมนุษย์หรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเพื่อเจริญเติบโตและวางไข่ ส่งผลให้ท่อน้ำดีเกิดการอักเสบเรื้อรังหรืออุดตันจากไข่และตัวพยาธิ ผู้ป่วยจึงอาจมีอาการท้องอืด แน่นท้อง หรืออ่อนเพลีย แต่หากอาการรุนแรงขึ้น ผู้ป่วยอาจตาเหลืองตัวเหลืองคันตามตัว หรือเบื่ออาหารได้

พยาธิใบไม้ตับที่พบบ่อยที่สุดในประเทศไทย ได้แก่ สายพันธุ์โอปิสทอร์คิส วิเวอร์รินี (Ophisthorchis Viverrini) มีลักษณะเรียวยาว ลำตัวแบน บาง และโปร่งใส หากโตเต็มวัยจะมีขนาดกว้างถึง 2-3 เซนติเมตร ยาว 5-10 เซนติเมตร และสามารถอาศัยอยู่ในท่อน้ำดีของตับคนได้นานถึง 26 ปี

อาการของพยาธิใบไม้ตับ

ในระยะแรกของการติดเชื้อ หากพยาธิใบไม้ตับยังมีจำนวนไม่มาก และเนื้อตับยังมีการอักเสบหรือเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย ผู้ป่วยอาจยังไม่ปรากฏอาการใด ๆ แต่หากมีพยาธิใบไม้ตับสะสมอยู่จำนวนมากเป็นเวลานาน จนเกิดการติดเชื้อเรื้อรังและตับเสียหายมากขึ้น ผู้ป่วยอาจเริ่มแสดงอาการคล้ายกับการป่วยโรคระบบทางเดินอาหารทั่วไป เช่น

    รู้สึกร้อนบริเวณท้อง
    อาหารไม่ย่อย แน่นท้อง ท้องอืด
    ท้องเสียเรื้อรัง หรือท้องเสียสลับกับท้องผูก
    ปวดหลัง
    ปวดท้องบริเวณด้านขวาบนจากภาวะตับอักเสบ
    เจ็บใต้ชายโครงขวา หรือใต้ลิ้นปี่
    คลำพบตับหรือก้อนในท้องด้านขวาบน
    อ่อนเพลีย

หากป่วยมานานแต่ไม่ได้รับการรักษา ตับอาจเกิดการอักเสบเสียหายมากขึ้น รวมทั้งมีพยาธิและไข่พยาธิอุดตันทางเดินน้ำดีในตับ จนผู้ป่วยอาจมีอาการตับและถุงน้ำดีโต ตาเหลืองตัวเหลืองเป็นครั้งคราว ขาดสารอาหาร และหากอาการทวีความรุนแรงขึ้น ผู้ป่วยอาจมีอาการดังต่อไปนี้

    ปวดท้องด้านขวาบนเพิ่มมากขึ้น แน่นท้องจากตับโตมากขึ้น
    เบื่ออาหาร ผอมลง
    มีไข้ต่ำ
    คันตามตัว
    แขนขาบวม และมักมีน้ำในท้องหรือท้องมาน
    มีปัสสาวะสีเข้ม และมีอุจจาระสีซีด
    ตัวเหลือง ตาเหลือง
    ภาวะท่อน้ำดีอุดตันถาวร
    ตับและถุงน้ำดีโตมากจนคลำเจอเองได้

สาเหตุของพยาธิใบไม้ตับ

พยาธิใบไม้ตับมักเป็นการติดเชื้อจากพยาธิสายพันธุ์โอปิสทอร์คิสวิเวอร์รินีที่เข้ามาอาศัยภายในท่อน้ำดีตับจากการบริโภคปลาหรือสัตว์น้ำที่มีตัวอ่อนระยะติดต่อเข้าไปโดยไม่ผ่านการปรุงสุกให้ความร้อนฆ่าพยาธิ โดยเฉพาะปลาน้ำจืด เช่น ปลาตะเพียน ปลาซิว ปลาสร้อย ปลาแก้มช้ำ ปลาขาวนา และปลาขาว หรือปลาจากการแปรรูปหมักดอง เช่น ปลาร้า และอาหารที่ปรุงจากปลาร้า เช่น ส้มตำ แจ่ว เป็นต้น

ตัวอ่อนของพยาธิใบไม้ตับจะใช้ท่อน้ำดีตับของมนุษย์ในการเจริญเติบโตเป็นตัวเต็มวัย จนร่างกายได้รับความเสียหายและเกิดอาการป่วยต่าง ๆ ขึ้น โดยพยาธิใบไม้ตับมีวงจรชีวิต ดังนี้

    มนุษย์หรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมรับเอาตัวอ่อนลักษณะซีสต์ระยะเมตาเซอร์คาเรีย (Encysted Metacercariae) หรือระยะติดต่อของพยาธิใบไม้ตับเข้าสู่ร่างกาย
    พยาธิตัวอ่อนจะเข้าสู่ลำไส้เล็กและตับ ผ่านรูเปิดของท่อน้ำดีตับที่เปิดเข้าลำไส้เล็ก และเจริญเติบโตในท่อน้ำดีตับ
    ตัวอ่อนจะอาศัยในท่อน้ำดีจนเจริญเติบโตเป็นตัวเต็มวัย กลายเป็นหนอนพยาธิ
    เมื่อคนหรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่เป็นรังโรคของพยาธิใบไม้ตับขับถ่ายอุจจาระไม่เป็นที่ ไข่ของพยาธิใบไม้ตับที่ปนอยู่ในอุจจาระจะปนเปื้อนลงในแหล่งน้ำ และถูกกินโดยหอยน้ำจืด เช่น หอยขม จากนั้นตัวอ่อนจะอาศัยร่างกายของหอยน้ำจืดในการเจริญเติบโตเป็นระยะเซอร์คาเรีย (Cercaria)
    ตัวอ่อนระยะเซอร์คาเรียจะไชออกจากหอยน้ำจืดลงสู่แหล่งน้ำ และไชเข้าไปอาศัยอยู่ในเนื้อปลาน้ำจืด จนเจริญเติบโตเป็นตัวอ่อนลักษณะซีสต์ระยะเมตาเซอร์คาเรียหรือตัวอ่อนระยะติดต่อ
    เมื่อมนุษย์หรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่น ๆ บริโภคปลาที่มีพยาธิเข้าไป พยาธิก็จะเจริญเติบโตและวางไข่ในท่อน้ำดีตับต่อไป

การวินิจฉัยพยาธิใบไม้ตับ

ในเบื้องต้น แพทย์อาจวินิจฉัยอาการด้วยการซักประวัติผู้ป่วยเกี่ยวกับแหล่งอาศัย อาหารที่บริโภค และอาการต่าง ๆ ที่ปรากฏขึ้น จากนั้น อาจส่องกล้องจุลทรรศน์ตรวจตัวอย่างอุจจาระเพื่อหาไข่พยาธิ แต่หากตรวจไม่พบ แพทย์อาจต้องวินิจฉัยด้วยการหาสารก่อภูมิต้านทาน (Antigen) ต่อพยาธิใบไม้ตับ จากอุจจาระหรือเลือดต่อไป

นอกจากนั้น หากพบภาวะตับโต แพทย์อาจส่งตรวจอัลตราซาวด์ หรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์เพื่อหาภาวะแทรกซ้อนจากโรคพยาธิใบไม้ตับเพิ่มเติม

การรักษาพยาธิใบไม้ตับ

เพื่อการรักษาพยาธิใบไม้ตับอย่างเหมาะสม แพทย์อาจต้องพิจารณาจากผลการวินิจฉัยไข่พยาธิ ระดับความรุนแรงของการติดเชื้อ และภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้น โดยการรักษาพยาธิใบไม้ตับ มีดังนี้

การใช้ยา

    ยาพราซิควอนเทล รับประทานปริมาณ 25 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม 3 ครั้ง หลังอาหารเย็นหรือก่อนนอน หรือปริมาณ 40-50 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม 1 ครั้ง จากนั้น ไข่พยาธิในอุจจาระจะหายไปภายใน 1 สัปดาห์
    ยาปฏิชีวนะ ใช้สำหรับผู้ป่วยที่ติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย

การผ่าตัด

แพทย์อาจต้องผ่าตัดหากเกิดภาวะแทรกซ้อนในระบบทางเดินน้ำดี

นอกจากนี้ ผู้ป่วยบางรายอาจต้องรับการรักษาแบบประคับประคองตามอาการ เช่น กินยาแก้ปวด ต่อท่อเข้าไปในท่อน้ำดีเพื่อระบายน้ำดี ลดอาการตัวเหลืองตาเหลือง หรือเจาะน้ำออกจากท้องเป็นครั้งคราวเมื่อมีอาการแน่นท้องมากจากมีน้ำในท้อง เป็นต้น

ภาวะแทรกซ้อนของพยาธิใบไม้ตับ

ผู้ป่วยพยาธิใบไม้ตับอาจปรากฏภาวะแทรกซ้อนได้ ดังต่อไปนี้

    ภาวะโลหิตจาง
    ติดเชื้อแบคทีเรีย
    ท่อน้ำดีอักเสบติดเชื้อ
    ถุงน้ำดีอักเสบ
    ตับอ่อนอักเสบ
    ตับแข็ง
    มะเร็งท่อน้ำดี
    ติดเชื้อในกระแสเลือด และการติดเชื้อกระจายไปทั่วร่างกาย

การป้องกันพยาธิใบไม้ตับ

เนื่องจากการติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับเกิดจากการบริโภคพยาธิใบไม้ตับเข้าสู่ร่างกาย การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินจึงเป็นการป้องกันที่ดีที่สุด ดังนี้

    เลิกรับประทานปลาหรือสัตว์น้ำจืดแบบดิบ ๆ กึ่งสุกกึ่งดิบ หรือแบบแปรรูปหมักดอง เช่น ปลาร้า
    ปรุงอาหารจำพวกปลาหรือสัตว์น้ำจืดให้สุกอย่างทั่วถึงก่อนบริโภคเสมอ ด้วยอุณหภูมิสูงตั้งแต่ 70 องศาเซลเซียสขึ้นไป
    หากต้องการรับประทานเนื้อปลาดิบ ๆ ควรแช่แข็งปลาที่ความเย็นต่ำกว่าหรือเท่ากับ -20 องศาเซลเซียส ก่อนรับประทานเป็นเวลา 7 วัน

หลังรักษาหายแล้ว ควรตรวจอุจจาระเป็นครั้งคราวตามคำแนะนำจากแพทย์ เพื่อป้องกันกลับมาเป็นซ้ำอีกครั้ง

9
บริการด้านอาหาร: สลัดควินัวกุ้งย่าง เมนูสุขภาพ ลดไขมันในเลือด

หลายคนที่รักสุขภาพหรือชื่นชอบในการรับประทานเพื่อสุขภาพ คงจะคุ้นเคยกับคำว่า “ควินัว” ซึ่งเป็นธัญพืชคล้ายพืชตระกูลถั่ว แต่ความเป็นจริงแล้วควินัวไม่ใช่ธัญพืชเหมือนถั่ว แต่เป็นพืชตระกูลเดียวกับเดียวกับหัวบีท ผักโขม ที่มีประโยชน์มากมาย อุดมไปด้วยเส้นใยอาหารชนิดไม่ละลายน้ำที่จำเป็นต่อระบบการย่อยอาหารในร่างกาย  เส้นใยชนิดนี้จะให้เรารู้สึกอิ่มท้องได้ง่าย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก แถมยังเต็มไปด้วยกรดอะมิโนที่สำคัญ 9 ชนิด ซึ่งประกอบไปด้วยไลซีนที่อยู่ในระดับต่ำ

ทำให้ควินัวมีโปรตีนที่คล้ายกับสัตว์ แม้เราจะรู้ว่าในควินัวให้โปรตีนสูงแต่ก็มีคาร์โบไฮเดรตมากกว่าแหล่งโปรตีนอื่น ๆ เช่นเดียวกัน แถมยังมีส่วนช่วยในการลดไขมันในเลือดอีกด้วย โดยเฉพาะในคนที่มีภาวะไขมันในเลือดสูงหรือคนที่มีคอเลสเตอรอลสูง ซึ่งการรับประทานควินัว อาจจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่เผชิญภาวะไขมันในเลือดสูง โดยมีงานวิจัยที่พบว่าการรับประทานควินัววันละ 50 กรัมติดต่อกันนาน 6 สัปดาห์

อาจช่วยลดระดับไขมันคอเลสเตอรอลรวม คอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี และไขมันไตรกลีเซอไรด์ด้วย อย่างไรก็ตาม ระดับไขมันต่าง ๆ ลดลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และการรับประทานควินัวอาจไปลดระดับของไขมันคอเลสเตอรอลชนิดที่ดีอีกด้วย ดังนั้น วันนี้ทางเราจะมาแนะนำเมนูควินัว ซึ่งดีต่อสุขภาพมาก เมนูที่ว่านั่นก็คือ สลัดควินัวกุ้งย่าง ต้องบอกเลยว่า นอกจากนี้จะดีต้อผู้ที่มีไขมันในเลือดสูงแล้ว ยังช่วยลกน้ำหนักได้อีกด้วย

 สำหรับเมนูดังกล่าวจะมีส่วนผสมได้แก่ ควินัวสีขาวและสีแดง น้ำ เกลือป่น กุ้ง มะเขือเทศเชอร์รีหั่นแว่น เซเลรีหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า อิตาเลียนพาร์สลีย์สับ เลมอนหั่นเสี้ยว ไทม์แห้ง พริกไทยป่น น้ำมันมะกอก น้ำเลมอน น้ำผึ้ง ไข่แดงต้มยีละเอียด ซึ่งส่วนผสมที่กลาวมานั้น ถือว่าเป็นวัตถุดิบที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย มั่นใจได้ว่า เมนูนี้จะให้คุณค่าทางสารอาหารอย่างเต็มเปี่ยมเลยทีเดียว สำหรับวิธีการทำก็เริ่มจากหุงควินัวให้สุก

จากนั้นเทใส่ถาดหรือจาน เกลี่ยระบายความร้อน พักไว้ให้เย็น ต่อมาก็หมักกุ้งกับไทม์สมุนไพรที่ให้กลิ่นหอม เกลือ พริกไทย และน้ำมันมะกอก จากนั้นเมื่อน้ำหมักซึมเข้ากุ้งได้ที่ให้นำไปย่างบนกระทะให้สุกแล้วพักไว้ ต่อมาเป็นวิธีการทำน้ำสลัด โดยผสม น้ำเลมอน  2-1/2 ช้อนโต๊ะ, น้ำมันมะกอก 3 ช้อนโต๊ะ น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา และ ไข่แดงต้มสุกยีให้ละเอียด 2  ฟอง ใส่เกลือเล็กน้อย จากตักควินัวใส่ในชามใส่มะเขือเทศ เซเลรี พาร์สลีย์ ที่หั่นไว้ลงไป ราดน้ำสลัด คลุกเคล้าให้เข้ากัน ตักใส่จาน จัดวางกุ้งที่ย่างไว้ ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย ซึ่งเป็นเมนูอาหารคลีนที่ได้คุณประโยชน์อย่างครบถ้วน

ต้องบอกเลยว่า ควินัวนั้น มีประโยชน์ต่อร่างกายของเรามาก และยังสามารถต้านโรคได้อย่างดี นอกจากนี้จะดีต่อคนที่มีไขมันในเลือดสูงแล้ว ควินัว ยังช่วยต้านการอักเสบ มีความเชื่อว่าอาหารที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระอาจช่วยต้านการอักเสบในร่างกายได้ ซึ่งควินัวก็ขึ้นชื่อว่ามีสารต้านอนุมูลอิสระสูงเช่นกันและอาจช่วยยับยั้งการผลิตสารที่ก่อให้เกิดการอักเสบของเซลล์ในร่างกายได้ถึง 25-90 % อย่างไรก็ตาม การรับประทานควินัว

 อาจช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเบาหวานประเภทที่ 2 และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ลดผลกระทบอื่น ๆ ที่เกิดจากการรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลสูงได้ด้วย และช่วยกระตุ้นกระบวนการเผาผลาญในร่างกาย ช่วยลดความหิว และอาจช่วยป้องกันการเกิดโรคอ้วนและโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง หากรับประทานอาหารที่มีเส้นใยสูงอย่างควินัว ก็จะช่วยให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น ดีต่อสุขภาพลำไส้และการขับถ่ายอีกด้วย

 ดังนั้น ทาง เราอยากให้ทุกคนเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และที่สำคัญรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมกับร่างกาย เพื่อป้องกันการเกิดโรคแทรกซ้อนจากการรับประทานอาหารได้ด้วย ที่สำคัญจะต้องรับประทานอาหารอย่างถูกวิธี คือ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ไม่รับประทานแบบจำเจ หรือรับประทานอาหารเมนูซ้ำๆ ติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะร่างกายของเราต้องการสารอาหารหลากหลายชนิดที่ต้องเข้าไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ดังนั้น เพื่อให้่ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วนก็ควรใส่ใจในอาหารการกินให้มากเป็นพิเศษ

10
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)
ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”
‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)

สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


11
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


12
โรคเรื้อรัง...ปัจจัยเพิ่มความเสี่ยง “โรคหัวใจ” ในอนาคต

ถ้าพูดถึงโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน อ้วนลงพุง หรือไขมันในเลือดสูง หลายคนยังมีความเข้าใจว่า.. โรคเหล่านี้ไม่ร้ายแรง!! แต่รู้หรือไม่ว่า โรคเรื้อรังที่ใครต่อใครเป็นกันนั้น สามารถนำไปสู่โรคร้ายอื่นๆ ได้ อย่าง “โรคหัวใจ” ก็เป็นหนึ่งในโรคร้ายแรงที่มีปัจจัยมาจากโรคเรื้อรัง… และอาจเสี่ยงต่อภาวะรุนแรงที่ส่งผลถึงขั้นเสียชีวิตเฉียบพลันได้!!
ความดันโลหิตสูง”หัวใจทำงานหนัก..จนเสี่ยงหัวใจล้มเหลว

เมื่อระดับความดันโลหิตสูง…จะส่งผลให้หัวใจต้องบีบตัวมากยิ่งขึ้น เพื่อส่งเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมความดันโลหิตสูงมีผลต่อการเกิดโรคหัวใจได้ โดยจะส่งผลทำให้เกิดหัวใจโต และหลอดเลือดหัวใจหนาตัวและแข็งตัวขึ้น ผู้ป่วยจึงมักมีอาการเจ็บหน้าอกจากหัวใจขาดเลือด และท้ายที่สุด..อาจเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตแบบเฉียบพลันได้!!

“เบาหวาน” เพิ่มโอกาสโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ

เบาหวานเป็นอีกโรคเรื้อรังที่พบมาก และผู้ป่วยหลายรายเข้าใจว่าเป็นโรคที่ไม่ร้ายแรง แต่จริงๆ แล้ว ผู้ป่วยโรคเบาหวานมักเสียชีวิตเพราะโรคหลอดเลือดหัวใจตีบมากเป็นอันดับ 1 เลยทีเดียว! เบาหวานยังเป็นสาเหตุหลักของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจในผู้ที่มีอายุน้อย เพราะระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงจะส่งผลให้หลอดเลือดแดงเกิดความผิดปกติและเสื่อมสภาพลงอย่างรวดเร็วนั่นเอง

“อ้วนลงพุง”โรคฮิต…นำไปสู่ภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง

เมื่อเกิดการสะสมของไขมันบริเวณช่องท้องมากเกินไป ไขมันเหล่านี้จะสามารถแตกตัวกลายเป็น “กรดไขมันอิสระ” เข้าไปยับยั้งกระบวนการเผาผลาญกลูโคสที่กล้ามเนื้อ ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง หรืออาจเกิดภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง ตีบ และอุดตันได้

“ไขมันในเลือดสูง” ทำเสี่ยง! กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด

ไขมันในเลือดสูงเป็นปัจจัยเพิ่มโอกาสของการเกิดหลอดเลือดตีบตันได้ง่าย และหากเกิดขึ้นกับหลอดเลือดหัวใจก็จะส่งผลให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หรือกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน ซึ่งนอกจากคนอ้วนแล้ว ในคนผอมเองก็ถือว่ามีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ เพราะนอกจากไขมันที่สะสมอยู่บริเวณหน้าท้อง (visceral fat) หรือไขมันใต้ผิวหนัง (subcutaneous fat) ไขมันยังสามารถอยู่ภายในหลอดเลือด (intravascular lipid) ได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้น การไม่มีไขมันสะสมบริเวณหน้าท้องก็ไม่ได้แปลว่าไม่มีไขมันสะสมอยู่ที่ผนังหลอดเลือด นั่นคือเหตุผลที่ว่า.. ทำไมคนผอมจึงเสี่ยงเป็นโรคหัวใจขาดเลือด

กรณีที่ยังไม่ป่วยเป็นโรคเรื้อรัง ควรดูแลสุขภาพร่างกายของตนเองให้แข็งแรงอยู่เสมอ แต่สำหรับผู้ที่ป่วยแล้ว…การพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพเป็นประจำก็ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ เพราะไม่ใช่แค่ความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ แต่โรคเหล่านี้ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคร้ายแรงที่อันตรายถึงชีวิตได้อีกมากมาย

13
ของตกแต่งบ้าน เลือกอย่างไรให้เข้าสไตล์ของห้องได้ตามความต้องการ 

การเลือกของตกแต่งบ้านเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยสร้างบรรยากาศและสะท้อนสไตล์ของคุณได้เป็นอย่างดีค่ะ หากเลือกได้เหมาะสมก็จะทำให้ห้องดูสวยงามและมีเอกลักษณ์ตามที่คุณต้องการ


1. กำหนดสไตล์ที่ต้องการ
ก่อนจะเลือกซื้อของตกแต่ง ควรตัดสินใจก่อนว่าต้องการให้ห้องมีสไตล์แบบไหน เช่น

สไตล์มินิมอล (Minimalist): เน้นความเรียบง่าย ใช้สีโทนกลางๆ และของตกแต่งเท่าที่จำเป็น เพื่อให้ห้องดูโล่งและสบายตา

สไตล์โมเดิร์น (Modern): เน้นความทันสมัยและเส้นสายที่ชัดเจน ของตกแต่งควรมีรูปทรงเรขาคณิตและทำจากวัสดุอย่างโลหะหรือแก้ว

สไตล์โบฮีเมียน (Bohemian): เน้นความอิสระและเป็นธรรมชาติ ของตกแต่งควรมีสีสันสดใส และมีลวดลายที่หลากหลาย

สไตล์วินเทจ (Vintage): เน้นความอบอุ่นและย้อนยุค ของตกแต่งควรเป็นของเก่าหรือของเลียนแบบของเก่า


2. เลือกของตกแต่งให้เข้ากับโทนสี
สีเป็นองค์ประกอบสำคัญในการตกแต่งบ้าน ควรเลือกของตกแต่งที่มีโทนสีเข้ากับสีของผนังและเฟอร์นิเจอร์หลักในห้อง เพื่อให้ภาพรวมดูลงตัว

โทนสีใกล้เคียง: การเลือกของตกแต่งที่มีสีใกล้เคียงกับสีหลักของห้องจะช่วยสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและกลมกลืน

โทนสีตัดกัน: การเลือกของตกแต่งที่มีสีตัดกับสีหลักของห้องจะช่วยสร้างจุดสนใจและทำให้ห้องดูมีมิติมากขึ้น


3. คำนึงถึงประโยชน์การใช้งาน
ของตกแต่งบางชิ้นก็ไม่ได้มีแค่ความสวยงาม แต่ยังมีประโยชน์ใช้สอยด้วย เช่น

โคมไฟตั้งโต๊ะ: นอกจากจะให้แสงสว่างแล้ว ยังสามารถเป็นของตกแต่งที่สวยงามได้

ชั้นวางของ: สามารถใช้จัดแสดงของตกแต่งต่างๆ และยังช่วยเพิ่มพื้นที่จัดเก็บของในห้องได้

หมอนอิงและผ้าห่ม: ช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้กับโซฟาและยังสามารถช่วยเพิ่มสีสันให้กับห้องได้

การเลือกของตกแต่งบ้านเป็นเรื่องของความสมดุลระหว่างความสวยงามและการใช้งานจริงค่ะ

14
การจัดฟันเด็ก มีกี่แบบ

การจัดฟันในเด็ก เป็นการจัดฟันสำหรับเด็กที่มีอายุ 4-15 ปี ซึ่งการจัดฟันในเด็ก พ่อแม่ผู้ปกครองสามารถมาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันได้ตั้งแต่อายุยังน้อย คือตั้งแต่มีฟันน้ำนมหรือระยะฟันผสม ซึ่งการจัดฟันในเด็กจะเป็นการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากและฟัน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาของลักษณะฟัน การขึ้นของฟันที่มีความผิดปกติ รวมไปถึงปัญหาการสบฟันที่มีความผิดปกติ โดยปัญหาเหล่านี้สามารถส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเด็ก หรือแม้กระทั่งส่งผลต่อพัฒนาการของเด็กได้ เพราะถ้าหากเด็กมีปัญหาในเรื่องดังกล่าว อาจจะทำให้ไม่สามารถบดเคี้ยวอาหารได้ สามารถส่งผลเสียต่อร่างกายเด็กได้ หรือเด็กบางคนอาจะส่งผลทำให้เกิดอาการเบื่ออาหาร จนทำให้เกิดผลกระทบต่อพัฒนาการของเด็กได้


ดังนั้น การจัดฟันในเด็กจึงสามารถช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ เรียกว่า เป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับการแก้ไขปัญหาฟันในเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพเลยเทีเดียว หลายคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่า ในวัยเด็กนั้น พฤติกรรมของเด็กส่วนใหญ่ ยกตัวอย่างเช่น พฤติกรรมการดูดขวดนม พฤติกรรมการดูดนิ้ว ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ ส่งผลทำให้เด็กเติบโตมามีการสบฟันที่ผิดปกติ รวมไปถึงอาจจะส่งผลต่อโครงสร้างของใบหน้าด้วย ดังนั้น เด็กที่มีปัญหาควรได้รับการแก้ไขด้วยการจัดฟันในเด็ก สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใดที่กำลังคิดจะนำบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ก็อาจจะสงสัยว่า การจัดฟันในเด็กนั้นมีกี่รูปแบบ และแต่ละแบบมีวิธีการรักษาที่แตกต่างกันอย่างไร และเราจะสามารถทราบได้อย่างไรว่า บุตรหลานของเราเหมาะสำหรับการจัดฟันในรูปแบบใด เพื่อที่จะได้แก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

วันนี้เราจะมาพูดถึงการเข้ารับการจัดฟันในเด็กว่ามีกี่ประเภท และแต่ละประเภทนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร เพื่อเป็นแนวทางให้กับพ่อแม่ผู้ปกครองที่สนใจพาบุตรหลานเข้ารับการจัดฟันในเด็ก เราต้องอธิบายก่อนว่า กาจัดฟันเด็ก พ่อแม่ผู้ปกครองสามารถนำบุตรหลานของท่านที่มี อายุต่ำว่า 10 ปี มาตรวจกับทันตแพทย์จัดฟันได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องรอจนถึงวัยรุ่น หรือไม่จำเป็นต้องรอให้ฟันน้ำนมหลุดก่อน แนะนำให้พาเด็กอายุ 7-10 ปี ไปตรวจกับทันตแพทย์จัดฟัน เพราะหากพบปัญหาการสบฟันที่ผิดปกติ เด็กวัยนี้ก็สามารถจัดฟันได้แล้ว ดังนั้น การที่พ่อแม่ผู้ปกครองพาเด็กเข้าพบทันตแพทย์ เพื่อตรวจฟันตั้งแต่เล็ก นอกจากเพื่อตรวจดูว่ามีฟันผุหรือไม่ จะได้รีบรักษา


รวมทั้งให้วิธีการป้องกันฟันผุแล้ว ยังเพื่อให้เด็กตรวจพบความผิดปกติของการเรียงตัวของฟันแต่เนิ่นๆ และจะได้วางแผนเวลา และวิธีการรักษาที่เหมาะสม สำหรับรูปแบบการจัดฟันในเด็ก ที่เรามักจะพบได้บ่อยหรือได้รับความนิยมมากก็มีด้วยกัน 2 รูปแบบ ซึ่งเป็นการจัดฟันในเด็ก แบบใช้เครื่องมือ EF Line และการจัดฟันในเด็กแบบใช้เครื่องมือแบบติดแน่น ซึ่งสองวิธีนี้เป็นการจัดฟันในเด็กที่สามารถเข้ารับการจัดฟันได้ตั้งแต่อายุยังน้อย ซึ่งการจัดฟันแบบ EF Line จะมักนิยมใช้ในเด็กที่มีอายุประมาณ 4-7 ปี เพราะเครื่องมือสามารถเอาออกได้ เป็นการปรับโครงสร้างของ

ใบหน้าเด็ก ช่วยปรับตำแหน่งของลิ้นให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ซึ่งมักจะใช้จัดฟันในเด็กที่ยังมีการเจริญเติบโตอยู่ ต่อมาก็คอการจัดฟันในเด็กที่มีเครื่องมือแบบติดแน่น ซึ่งการจัดฟันในรูปแบบนี้ มักจะใช้ในเด็กที่มีอายุ 7-15 ปี เพราะเด็กในวัยยี้เริ่มมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการดูรักษาสุขภาพช่องปากและฟันแล้ว และยังให้ความร่วมมือในการรักษากับทันตแพทย์ได้ดีอีกด้วย นี่ก็คือรูปแบบการจัดฟันในเด็กที่ได้รับความนิยมาก เพื่อใช้ในการแก้ไขปัญหาความผิดปกติของฟันของเด็ก รวมไปถึงความผิดปกติของโครงสร้างใบหน้าด้วย

สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด อยากพาบุตรหลาของท่านเข้ารับการรักษาด้วยการจัดฟันในเด็ก ก็สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการจัดฟันในเด็ก แบะมีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน จึงมั่นใจได้ว่า บุตรหลานของท่านจะมีฟันที่เรียงตัวกันอย่างสวยงาม สามารถบดเคี้ยวอาหารได้ดี และมีพัฒนาการที่ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน

15
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)
ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”
‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)


สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


หน้า: [1] 2 3 ... 58