แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 45
1
ปล่อยรถป้ายแดง MITSUBISHI XPANDER 1.5 GT ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

มิตซูบิชิ Mitsubishi Xpander GT ปี 2018
All New Xpander รุ่น GT นิยามใหม่ของ Crossover ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด โดยถ่ายทอดความแข็งแกร่งและแรงบันดาลใจเพื่อสร้างเซกเมนต์ใหม่ ด้วยการผสานสมรรถนะอันแข็งแกร่งแบบรถ Crossover เข้ากับความอเนกประสงค์ในการใช้งานที่หลากหลาย และจากการถ่ายทอดความเชี่ยวชาญเรื่องการพัฒนารถอเนกประสงค์ Xpander มีความสูงจากพื้นมากกว่ารถยนต์ในกลุ่มเดียวกันที่ 205 มม. (ในรุ่น GT) ด้านดีไซน์ล้ำสมัยด้วยเอกลักษณ์การออกแบบ Advanced 'Dynamic Shield' ไฟหรี่เป็น Crystal LED ไฟหน้าเป็นมัลติรีเฟลกเตอร์แบบฮาโลเจน

All New Xpander รุ่น GT มีความกว้างสบายจากห้องโดยสารแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง ตกแต่งภายในด้วยโทนสีดำ สามารถปรับเบาะที่นั่งได้อย่างอเนกประสงค์ รองรับการใช้งานได้อย่างดี เพียบพร้อมไปด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ทั้งกุญแจอัจฉริยะ, แผงควบคุมระบบปรับอากาศด้านหลัง, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น, หน้าจอแสดงผลข้อมูลขนาด 4.2 นิ้ว

All New Xpander รุ่น GT ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์อลูมินัมอัลลอยเบนซิน รหัส 4A91 ขนาด 1.5 ลิตร DOHC MIVEC 16 วาล์ว ให้กำลัง 105 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 141 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ที่ได้รับการพัฒนามาเพื่อ Xpander

หมายเหตุ : รายละเอียดของรถยนตอ์าจมีการเปลี่ยนแปลงภายหลัง

รถผู้บริหาร รถทดลองขับ ไมล์น้อย ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

โปรโมชั่นพิเศษ
ตั้งแต่ 21 มี.ค. - 31 มี.ค. 2568
ดอกเบี้ยเริ่มต้น 1.29%, ยอดจัดไม่เกิน 3-6 แสน,ผ่อนสูงสุด 84 เดือน
ค่าดำเนินการแคมเปญ 20,000 บาท (รวมในยอดจัดได้)

ราคาพิเศษ 569,000 บาท

สนใจสอบถา มรายละเอียดกดลิ้ง https://www.checkraka.com/flashdeal/car

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์                 Mitsubishi
   รุ่น                      มิตซูบิชิ Mitsubishi Xpander GT ปี 2018
   ประเภทรถ             รถอเนกประสงค์ MPV
   ปีที่เปิดตัว              2018


2
อาการของโรคสิ่งแปลกปลอมเข้าจมูก (Foreign body in the nose)

สิ่งแปลกปลอมเข้าจมูก มักพบในเด็กเล็กที่เล่นซนนำสิ่งแปลกปลอม (เช่น เมล็ดผลไม้ เศษอาหาร เศษยางลบ เศษกระดาษ  กระดุม ลูกปัด ชิ้นส่วนของเล่น ถ่านกระดุม เป็นต้น) แยงเข้าไปคาอยู่ในรูจมูก ภาวะนี้พบบ่อยในเด็กอายุ 2-5 ปี

เด็กโตอาจบอกพ่อแม่ได้ว่ามีสิ่งแปลกปลอมติดในรูจมูก แต่เด็กเล็กที่ยังสื่อสารไม่ได้ อาจแสดงอาการกระสับกระส่าย และมีอาการผิดสังเกตอื่น ๆ

ถ้าพ่อแม่ไม่ได้สังเกตตั้งแต่แรก และปล่อยทิ้งไว้หลายวัน ก็จะทำให้เยื่อจมูกเกิดการอักเสบ และมีภาวะแทรกซ้อนตามมา

สาเหตุ
เกิดจากความไม่รู้ การเล่นซน หรือความประมาทเลินเล่อ

อาการ

เด็กจะมีอาการคัดจมูก แน่นจมูก ในข้างที่มีสิ่งแปลกปลอม (ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นข้างเดียว) หรือหายใจผ่านรูจมูกได้สะดวกเพียงข้างเดียว หรือหายใจมีเสียงดังวี้ด ๆ หรือหายใจทางปาก อาจมีอาการปวดศีรษะข้างเดียวกับจมูกข้างที่มีสิ่งแปลกปลอม หรือมีอาการไอบ่อย (เนื่องจากมีน้ำมูกไหลลงคอ เกิดการระคายคอ) เด็กเล็กที่ยังสื่อสารไม่ได้ อาจแสดงอาการกระสับกระส่าย ใช้นิ้วแหย่ แคะ หรือดันจมูกบ่อย ๆ

ในระยะแรกอาจมีอาการของเหลวคล้ายน้ำมูกไหลออกจากจมูก อาจมีลักษณะใส หรือสีเทา หรือมีเลือดปน หรือมีเลือดกำเดาไหล ต่อมาจะมีอาการหายใจมีกลิ่นเหม็น และจมูกข้างที่มีสิ่งแปลกปลอม (มักเป็นข้างเดียว) มีน้ำมูกข้นสีเหลืองหรือเขียว หรือมีลักษณะเป็นหนองหรือเลือดปนหนอง และอาจมีไข้ร่วมด้วย

ภาวะแทรกซ้อน

หากปล่อยไว้มักทำให้เยื่อจมูกอักเสบเป็นหนอง และอาจมีภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ เช่น แผลที่เยื่อเมือกจมูก ไซนัสอักเสบ หูชั้นกลางอักเสบเฉียบพลัน เนื้อเยื่อรอบกระบอกตาอักเสบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ เป็นต้น

ถ้าสิ่งแปลกปลอมหลุดลงไปในหลอดลม ก็อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนในหลอดลมและปอด เช่น ปอดอักเสบ หลอดลมพอง ปอดแฟบ ฝีในปอด เป็นต้น

สำหรับสิ่งแปลกปลอมที่เป็นถ่านกระดุม (button battery ซึ่งใช้กับของเล่นและอุปกรณ์ต่าง ๆ) หากปล่อยไว้สารเคมีในถ่านอาจรั่วไหลออกมาทำลายเนื้อเยื่อในโพรงจมูก เกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น แผลที่เยื่อเมือกจมูกหรือผนังจมูก ผนังจมูกทะลุ โพรงจมูกตีบ ปีกจมูกยุบ เป็นต้น อันตรายจากถ่านกระดุมนี้มักเกิดขึ้นในเวลาประมาณ 3-6 ชั่วโมง (อาจพบได้เร็วสุดหลังเกิดเหตุเพียง 1-2 ชั่วโมง)

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกายเป็นหลัก

ตรวจพบจมูกข้างหนึ่งมีของเหลวคล้ายน้ำมูกไหล หรือมีน้ำมูกข้นสีเหลืองหรือเขียว หรือมีลักษณะเป็นหนองหรือเลือดปนหนอง หรือมีเลือดกำเดาไหล บางรายอาจตรวจพบอาการที่จมูกทั้ง 2 ข้าง หายใจมีเสียงดังวี้ด ๆ หรือมีไข้

เมื่อเอาไฟฉายส่องดู อาจพบสิ่งแปลกปลอมคาอยู่ในรูจมูกจมูกข้างหนึ่ง

ในรายที่จำเป็นต้องวินิจฉัยโรคให้แน่ชัด แพทย์จะทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติม เช่น เอกซเรย์ ใช้กล้องส่องตรวจจมูก (rhinoscopy) เป็นต้น

การรักษาโดยแพทย์

1. เอาสิ่งแปลกปลอมออก

    หากสิ่งแปลกปลอมอยู่ไม่ลึก ใช้ลวดเล็ก ๆ ตรงปลายงอเล็กน้อยแยงรอดใต้สิ่งแปลกปลอมจนพ้นขอบหลังสุด แล้วเกี่ยวเอาออก
    ถ้าสิ่งแปลกปลอมอยู่ลึก ใช้เครื่องมือจับ คีบ เขี่ย หรือดูดออก

2. ถ้ามีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน ให้ยาปฏิชีวนะ เช่น โคอะม็อกซิคลาฟ, อะม็อกซีซิลลิน, ร็อกซิโทรไมซิน หรือโคไตรม็อกซาโซล นาน 7-10 วัน

ผลการรักษา ส่วนใหญ่สามารถเอาสิ่งแปลกปลอมออกและไม่มีภาวะแทรกซ้อนตามมา ส่วนน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากปล่อยให้สิ่งแปลกปลอมคาอยู่นาน เกิดจากถ่านกระดุมเข้าจมูก หรือสิ่งแปลกปลอมหลุดลงไปในหลอดลม มักมีความยุ่งยากในการรักษา และอาจมีภาวะแทรกซ้อนตามมาได้

การดูแลตนเอง

1. หากพบตั้งแต่แรก ยังไม่มีอาการผิดปกติ และมองเห็นสิ่งแปลกปลอมอยู่ตื้น ๆ ให้ทำการปฐมพยาบาลดังนี้

    ให้เด็กสั่งน้ำมูกแรง ๆ โดยปิดรูจมูกข้างที่ปกติ หรือใช้ปากคีบหรือแหนบค่อย ๆ คีบวัตถุนั้นออก ระวังอย่าดันให้วัตถุลึกเข้าไปในจมูก ห้ามใช้นิ้วมือ ไม้พันสำลี หรืออุปกรณ์ใด ๆ พยายามเขี่ยเอาสิ่งแปลกปลอมออก เพราะอาจดันให้สิ่งแปลกปลอมลึกเข้าไป
    ถ้าเด็กอยู่ไม่นิ่ง หรือไม่ให้ความร่วมมือ หรือทำการปฐมพยาบาลดังกล่าวไม่ได้ผล ควรไปพบแพทย์

2. ควรรีบไปพบแพทย์ ถ้าพบว่าสิ่งแปลกปลอมอยู่ลึก หรือไม่เห็นสิ่งแปลกปลอม หรือมีอาการน้ำมูกเป็นหนองมีกลิ่นเหม็น ควรไปพบแพทย์ด่วน ถ้าเกิดจากถ่านกระดุมเข้าจมูก

ทำการดูแลรักษาตามคำแนะนำของแพทย์ ไปพบแพทย์ตามนัด และกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีอาการผิดปกติ (เช่น มีไข้ ปวดจมูก มีน้ำมูกเป็นหนองหรือมีเลือดออก) หรือสงสัยเกิดอาการข้างเคียงจากยาที่รักษา

การป้องกัน

คอยระมัดระวัง เก็บเศษวัตถุ (รวมทั้งถ่านกระดุม) ทิ้ง ไม่ให้เด็กหยิบได้

ห้ามปรามและคอยเฝ้าระวังไม่ให้เด็กเล็กเล่นซนเอาสิ่งแปลกปลอม (เช่น เมล็ดผลไม้ เศษอาหาร เศษยางลบ กระดุม ลูกปัด) แหย่ใส่เข้าไปในจมูก

ข้อแนะนำ

หากมีอาการน้ำมูกเป็นหนองมีกลิ่นเหม็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าพบในเด็กเล็ก อาจเกิดจากสิ่งแปลกปลอมเข้าจมูกได้ ควรพบแพทย์เพื่อนำสิ่งแปลกปลอมออก

3
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
เรา
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”

สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/



4
การจัดฟันเด็ก เพื่อรอยยิ้มสวยตั้งแต่ยังเด็ก

การจัดฟันเด็กเป็นกระบวนการทางทันตกรรมที่ช่วยแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับฟันและขากรรไกรในเด็ก เช่น ฟันซ้อน ฟันเก ฟันห่าง ฟันสบกันผิดปกติ หรือปัญหาเกี่ยวกับขากรรไกร เพื่อให้เด็กมีรอยยิ้มที่สวยงาม มีสุขภาพช่องปากที่ดี และมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น

ทำไมต้องจัดฟันให้เด็ก?

หลายคนอาจ สงสัยว่าทำไมต้องรีบจัดฟันให้เด็กตั้งแต่ยังเล็กๆ ซึ่งการจัดฟันในเด็กมีประโยชน์มากมาย ดังนี้

ป้องกันปัญหาเรื้อรัง: การจัดฟันตั้งแต่เนิ่นๆ ช่วยป้องกันปัญหาเกี่ยวกับฟันและขากรรไกรที่อาจรุนแรงขึ้นในอนาคต เช่น ฟันผุง่าย ขากรรไกรผิดรูป หรือปัญหาในการเคี้ยวอาหาร
ส่งเสริมการเจริญเติบโตของใบหน้า: การจัดฟันช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของขากรรไกรให้สมดุล ทำให้ใบหน้ามีรูปทรงที่สวยงาม
ปรับปรุงการออกเสียง: การจัดฟันช่วยแก้ไขปัญหาการออกเสียงที่ผิดปกติอันเกิดจากตำแหน่งของฟันที่ไม่ถูกต้อง
เพิ่มความมั่นใจ: เด็กที่มีฟันเรียงสวยจะมั่นใจในตัวเองมากขึ้น กล้าแสดงออก และมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นได้ดีขึ้น
ป้องกันปัญหาสุขภาพช่องปาก: การจัดฟันช่วยให้เด็กทำความสะอาดฟันได้ง่ายขึ้น ลดโอกาสเกิดฟันผุและโรคเหงือก

อายุเท่าไหร่จึงควรพาลูกไปพบหมอจัดฟัน?
โดยทั่วไปควรพาลูกไปพบหมอจัดฟันครั้งแรกเมื่ออายุประมาณ 7 ปี เพื่อให้หมอตรวจสุขภาพช่องปากและประเมินพัฒนาการของฟันและขากรรไกร หากพบปัญหาใดๆ ก็สามารถเริ่มการรักษาได้ทันที อย่างไรก็ตาม อายุที่เหมาะสมในการจัดฟันจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของปัญหา

ประเภทของ การจัดฟันเด็ก
การจัดฟันเด็กมีหลายประเภท โดยชนิดของอุปกรณ์ที่ใช้จะขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละคน และอายุของเด็ก ได้แก่

เครื่องมือจัดฟันแบบถอดได้: มักใช้กับเด็กเล็กที่มีปัญหาฟันซ้อนหรือฟันห่างเล็กน้อย
เครื่องมือจัดฟันแบบติดแน่น: เป็นเครื่องมือที่ติดอยู่กับฟันตลอดเวลา มักใช้กับเด็กที่มีปัญหาเกี่ยวกับขากรรไกรหรือฟันซ้อนที่รุนแรง
เครื่องมือจัดฟันใส: เป็นเครื่องมือจัดฟันที่ทำจากพลาสติกใส สามารถถอด เข้าถอดออกได้สะดวก เหมาะสำหรับเด็กที่ต้องการความสวยงาม

ขั้นตอนการจัดฟันเด็ก
การตรวจปร ะเมิน: ทันตแพทย์จะทำการตรวจสุขภาพช่องปากและรังสีวิทยี เพื่อประเมินปัญหาและวางแผนการรักษา
การทำความ สะอาดฟัน: ก่อนเริ่มการจัดฟัน เด็กจะต้องทำความสะอาดฟันให้สะอาด เพื่อป้องกันปัญหาฟันผุและโรคเหงือก
การติดตั้งเครื่องมือจัดฟัน: ทันตแพทย์จะทำการติดตั้งเครื่องมือจัดฟันตามแผนการรักษาที่วางไว้
การปรับเปลี่ยนเครื่องมือจัดฟัน: ในระหว่างการรักษา ทันตแพทย์จะทำการปรับเปลี่ยนเครื่องมือจัดฟันเป็นระยะๆ เพื่อให้ฟันเคลื่อนที่ไปอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง
การถอดเครื่องมือจัดฟัน: เมื่อฟันเรียงตัวอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องแล้ว ทันตแพทย์จะทำการถอดเครื่องมือจัดฟันออก
การใส่รีเทนเนอร์: หลังจากถอดเครื่องมือจัดฟันแล้ว เด็กจะต้องใส่รีเทนเนอร์เพื่อรักษาตำแหน่งของฟันไม่ให้เคลื่อนกลับ

การดูแลสุขภาพช่องปากระหว่างการจัดฟัน
แปรงฟันอย่างสม่ำเสมอ: ควรแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง หลังอาหารเช้าและก่อนนอน
ใช้ไหมขัดฟัน: ช่วยขจัดเศษอาหารที่ติดอยู่ตามซอกฟัน
หลีกเลี่ยงอาหารแข็ง: ควรหลีกเลี่ยงอาหารแข็งเหนียว อาหารเหนียว และอาหารห วาน
ไปพบทันตแพทย์ตามนัด: ควรไปพบทันตแพทย์ตามนัด เพื่อตรวจสอบความคืบหน้าของการรักษา

คำถามที่พบบ่อย
การจัดฟันเด็กมีผลต่อการเจริญเติบโตของใบหน้าหรือไม่? การจัดฟันโดยทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยควบคุมการเจริญเติบโตของขากรรไกรและใบหน้าให้เป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง

การจัดฟันเด็กเจ็บไหม? ในช่วงแรกของการจัดฟัน อาจมีอาการปวดหรือรู้สึกไม่สบายเล็กน้อย แต่จะหายไปเองภายใน 1-2 วัน
การจัดฟันเด็กใช้เวลานานเท่าไร? ระยะเวลาใ นการจัดฟันจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของปัญหา
ค่าใช้จ่ายในการจัดฟันเด็กเท่าไร? ค่าใช้จ่ายในการจัดฟันจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ประเภทของ เครื่องมือจัดฟัน ความซับซ้อนของปัญหา และคลินิกที่ให้บริการ
การจัดฟันเด็กเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพื่อให้ลูกมีรอยยิ้มที่สวยงามและสุขภาพช่องปากที่ดีตลอดชีวิต หากคุณมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดฟันเด็ก ควรปรึกษาทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้เป็นเพียงข้อมูลทั่วไป ไม่สามารถนำไปใช้เป็นคำแนะนำทางการแพทย์ได้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับบุตรหลานของคุณ

คำสำคัญ: การจัดฟันเด็ก, ทันตกรรมเด็ก, ฟันซ้อน, ฟันเก, ฟันห่าง, สุขภาพช่องปาก, รอยยิ้มสวย

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหัวข้อนี้ สามารถสอบ ถามได้เลยนะคะ

คุณต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหัวข้อใดเป็นพิเศษ เช่น อายุที่เหมาะสมในการจัดฟันเด็ก, ประเภทของ เครื่องมือจัดฟัน, หรือค่าใช้จ่ายในการจัดฟัน?

5
สร้างรายได้จากการขายของกิน สร้างอาชีพได้ ขายดี กำไรดีงาม

การขายอาหารถือเป็นแนวคิดทางธุรกิจที่ยั่งยืนและสร้างกำไรได้มากที่สุดแนวคิดหนึ่ง เนื่องจากอาหารเป็นสิ่งจำเป็นพื้นฐาน ไม่ว่าคุณต้องการเริ่มต้นจากอาหารทำเองที่บ้านในระดับเล็กหรือขยายกิจการเป็นร้านอาหารเต็มรูปแบบ ธุรกิจอาหารก็มีโอกาสมากมายให้เลือก การสร้างอาชีพหารายได้จากการขายของกินเป็นแนวทางที่น่าสนใจและสามารถสร้างรายได้ที่ดีได้

หากคุณมีความสนใจในการทำอาหารและต้องการเริ่มต้นธุรกิจของตัวเอง นี่คือคำแนะนำทีละขั้นตอนที่จะช่วยให้คุณสร้างธุรกิจอาหารที่ประสบความสำเร็จและสร้างรายได้

1. เลือกโมเดลธุรกิจอาหารของคุณ
มีหลายวิธีในการขายอาหาร ขึ้นอยู่กับงบประมาณ ทักษะ และทรัพยากรของคุณ โดยรูปแบบยอดนิยม ได้แก่:
การทำอาหารที่บ้าน – ขายอาหารทำเองทางออนไลน์หรือให้กับลูกค้าในท้องถิ่น
สตรีทฟู้ดหรือรถเข็นขายอาหาร – การตั้งแผงขายของในบริเวณที่มีผู้คนพลุกพล่าน
บริการจัดเลี้ยง – ให้บริการอาหารสำหรับงานอีเว้นท์ งานปาร์ตี้ และงานสังสรรค์ต่างๆ
ธุรกิจอาหารออนไลน์ – ขายผ่านแอปส่งอาหารหรือโซเชียลมีเดีย
ธุรกิจเบเกอรี่หรือขนมขบเคี้ยว – ผลิตและจำหน่ายเค้ก คุกกี้ หรือขนมขบเคี้ยวบรรจุหีบห่อ

2. ค้นหาช่องทางของคุณ
ระบุประเภทอาหารที่คุณต้องการขาย เลือกกลุ่มที่เหมาะกับความเชี่ยวชาญและความต้องการของตลาดของคุณ แนวคิดที่ทำกำไรได้บางส่วน ได้แก่:
อาหารเพื่อสุขภาพหรืออาหารออร์แกนิค
ขนมหวานและเบเกอรี่โฮมเมด
อาหารริมทางหรืออาหารฟิวชั่นที่มีเอกลักษณ์
อาหารพื้นเมืองและสูตรอาหารแบบดั้งเดิม

3. วางแผนงบประมาณและค่าใช้จ่ายของคุณ
เริ่มต้นด้วยการคำนวณการลงทุนเริ่มต้นของคุณ ซึ่งรวมถึง:
ส่วนผสมและบรรจุภัณฑ์
อุปกรณ์ (เครื่องมือทำครัว ภาชนะ ฯลฯ)
ค่าใช้จ่ายการตลาดและการโฆษณา
ค่าจัดส่งหรือค่าขนส่ง
คุณสามารถเริ่มต้นจากสิ่งเล็ก ๆ แล้วค่อยขยายขนาดเมื่อธุรกิจของคุณเติบโต

4. การขอใบอนุญาตและใบอนุญาตที่จำเป็น
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านความปลอดภัยของอาหารโดยขอใบอนุญาตที่จำเป็น ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับประเทศของคุณ คุณอาจต้องใช้สิ่งต่อไปนี้:
ใบอนุญาตประกอบธุรกิจอาหาร
ใบรับรองด้านสุขภาพและความปลอดภัย
การอนุมัติการบรรจุและการติดฉลาก

5. สร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง
แบรนด์ของคุณจะทำให้คุณแตกต่างจากคู่แข่ง เน้นที่:
ชื่อธุรกิจที่สะดุดหูและน่าจดจำ
จุดขายที่ไม่ซ้ำใคร (USP) – อะไรที่ทำให้อาหารของคุณพิเศษ?
โลโก้และบรรจุภัณฑ์ที่น่าดึงดูด

6. ใช้การตลาดดิจิทัลเพื่อเข้าถึงลูกค้า
ส่งเสริมธุรกิจอาหารของคุณโดยใช้:
โซเชียลมีเดีย (Facebook, Instagram, TikTok) – แบ่งปันรูปถ่ายอาหาร วิดีโอ และบทวิจารณ์ของลูกค้าคุณภาพสูง
แอปจัดส่งอาหาร – ลงทะเบียนบนแพลตฟอร์มเช่น Uber Eats, GrabFood หรือบริการจัดส่งในพื้นที่
เว็บไซต์หรือระบบสั่งซื้อออนไลน์ – สร้างเว็บไซต์ง่ายๆ หรือใช้แอปส่งข้อความเพื่อรับคำสั่งซื้อ

7. มอบบริการลูกค้าที่เป็นเลิศ
ลูกค้าที่พึงพอใจจะกลับมาและแนะนำธุรกิจของคุณให้กับผู้อื่น เน้นที่:
วัตถุดิบคุณภาพดีและสูตรอาหารอร่อย
บริการรวดเร็วและเชื่อถือได้
นำเสนอโปรโมชั่น ส่วนลด หรือโปรแกรมสะสมคะแนน

8. ขยายธุรกิจของคุณ
เมื่อธุรกิจอาหารของคุณดำเนินไปอย่างประสบความสำเร็จแล้ว พิจารณาขยายโดย:
การเพิ่มรายการเมนูใหม่
ร่วมมือกับผู้มีอิทธิพลเพื่อให้มีการมองเห็นมากขึ้น
การเปิดหน้าร้านจริงหรือรถขายอาหาร

การเริ่มต้นธุรกิจอาหารอาจเป็นวิธีสร้างรายได้ที่คุ้มค่าหากคุณวางแผนอย่างดีและเน้นที่คุณภาพและการตลาด ด้วยความหลงใหลและความทุ่มเท คุณสามารถเปลี่ยนความรักที่มีต่ออาหารให้กลายเป็นอาชีพที่ทำกำไรได้ พร้อมที่จะเริ่มต้นหรือยัง ค้นหาช่องทางของคุณและเริ่มขายวันนี้

6
ชมรถในฝัน Mercedes-AMG GT 63 4MATIC+ ใน Motor Show 2025

ผมเชื่อว่าผู้ชื่นชอบรถยนต์หลายคนคงเคยฝันตั้งแต่เด็กว่า อยากได้รถสมรรถนะดี ๆ มีพละกำลัง โดดเด่นและพรีเมี่ยมมาครอบครอง หนึ่งในรถในฝันน่าจะเป็นตระกูล Mercedes-AMG กับงานประกอบที่พิถีพิถัน "One man one Engine" โดยช่างเทคนิค 1 คน จะทำหน้าที่ประกอบเครื่องยนต์รวมไปถึงกระบวนการที่เกี่ยวเนื่องทั้งหมด เริ่มตั้งแต่การติดตั้งเพลาข้อเหวี่ยงในเสื้อสูบ, การประกอบเพลาลูกเบี้ยวไปจนถึงการเดินสายไฟและเติมน้ำมันเครื่อง ช่างเทคนิคจะลงนามไว้ที่เครื่องยนต์ที่ตนเป็นผู้ประกอบ ซึ่งปรากฏให้เห็นอยู่บนป้ายของเครื่องยนต์ AMG
 
 
ทำให้ตระกูล AMG ให้ทั้งความหรู แรง และใช้งานได้ในทุก ๆ วัน วันนี้บูธเมอร์เซเดส-เบนซ์ ภายในงาน Motor Show 2025 นำทัพ Mercedes-AMG รุ่นล่าสุดมาให้สัมผัสอย่างใกล้ชิด ผ่านความประทับใจของผู้รัก "เบนซ์" พร้อมเปิดบ้านต้อนรับผู้หลงไหลหัวใจเดียวกัน “Friend with Benz” เหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันที่นี่!
 
Mercedes-AMG GT 63 4MATIC+ ราคาเริ่มต้น 15,900,000 บาท

เริ่มด้วยซุปเปอร์คาร์เทคโนโลยีแบบเดียวกับในสนามแข่งขัน Mercedes-AMG GT 63 4MATIC+ ทรงพลัง ยนตรกรรมตระกูล GT เจเนอเรชันที่ 2 ของแบรนด์ Mercedes-AMG ขุมพลังเบนซิน V8 สูบ ขนาด 4.0 ลิตร Bi-Turbo เอกลักษณ์แบบ hot inside “V” ให้กำลังได้สูงถึง 585 แรงม้า แรงบิดสูงสุดถึง 800 นิวตันเมตร ผ่านเกียร์ AMG SPEEDSHIFT MCT 9-Speed Sport Transmission ทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 3.2 วินาที และความเร็วสูงสุดถึง 315 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
 
ตัวถังแบบ Wide Body ด้วยมิติความกว้างถึง 2 เมตร สะท้อนดีเอ็นเอของรถมอเตอร์สปอร์ตที่ขับขี่ได้จริง ติดตั้งกระจังหน้าแบบ AMG-specific radiator grille with V8 Exterior Styling Package และไฟหน้า DIGITAL LIGHT ความปลอดภัย Driving Assistance Package


ปรับแต่งโหมดพร้อมลงแทร็ก
พร้อมกับระบบที่ให้การขับขี่ในสนามแข่งที่ดียิ่งขึ้น ด้วยการออกแบบทั้งระบบฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ให้สามารถทำงานร่วมกันอย่างลงตัว รวมถึงระบบ RACE START ในจังหวะออกตัวเพื่อการทำอัตราเร่งที่ดีที่สุด ขณะที่ระบบขับเคลื่อน AMG Performance 4MATIC+ ถูกปรับจูนด้วยช่วงล่างติดตั้งระบบ AMG RIDE CONTROL Sports Suspension ปรับได้ 3 ระดับ ได้แก่ Comfort, Sport และ Sport+ ตอบสนองการใช้งานให้สามารถเข้าโค้งได้ปลอดภัยและรวดเร็วโดยไม่เสียการควบคุม ด้วยการกระจายกำลังที่สั่งการจากระบบต่าง ๆ อย่างเหมาะสมและแม่นยำตามสถานการณ์ เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถทำเวลาในสนามแข่งได้ดีที่สุด

 
การทรงตัวยอดเยี่ยมด้วยระบบเลี้ยวล้อหลังแบบ AMG Rear-Axle Steering โดยระบบจะทำงานแบบอัตโนมัติเมื่อความเร็วเกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป ด้วยการใช้ล้อหลังเลี้ยวไปในทิศทางเดียวกันกับล้อหน้า ไม่เกิน 0.7° หากต่ำกว่า 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงจะเลี้ยวตรงกันข้ามกับล้อหน้า ไม่เกิน 2.5°
 
เสียงดุดัน..มันทุกลีลาขับขี่
เสียงเครื่องยนต์และเทอร์โบแบบ AMG Real Performance Sound โดยระบบจะแสดงเสียงภายในห้องโดยสารบริเวณคอนโซลกลาง สามารถถ่ายทอดเสียงเครื่องยนต์ได้อย่างเร้าใจ ระบบความบันเทิง จอตรงกลางขนาด 11.9 นิ้ว  ระบบปฏิบัติการ MBUX7 ควบคุมด้วยระบบสัมผัส และสามารถปรับระดับด้วยไฟฟ้า 12° ถึง 32° พร้อมหน้าจอ Driver’s display ขนาด 12.3 นิ้ว
 

ให้เลือกทั้งหมด 7 สี ได้แก่ สีเหลือง (Sun Yellow) สีดำ (Obsidian Black) สีเงิน (High-tech Silver) สีเทา (Selenite Grey) สีน้ำเงิน (Spectral Blue) สีขาว (MANUFAKTUR Opalite White Bright) และสีแดง (MANUFAKTUR Patagonia Red Bright)
 

Mercedes-AMG SL 55 4MATIC+ ราคาเริ่มต้น 14,900,000 บาท

รถยนต์สปอร์ตทรงพลังที่ขับขี่ได้สะดวกสบายในทุก ๆ วัน Mercedes-AMG SL 55 คันนี้จุดเด่นคือ มีขนาดกระทัดรัดคล้าย Mercedes-AMG GT 63 ย่อส่วนให้ขับได้คล่องตัวมากยิ่งขึ้น แต่ได้ฟิลลิ่งของ ขุมพลังเดียวกันปรับกำลังให้เหมาะสมกับตัวรถมากขึ้น

 
“One Man, One Engine” เช่นเดียวกับรุ่น GT 63
Mercedes-AMG SL 55 4MATIC+ ขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน V8 สูบ ขนาด 4.0 ลิตร Bi-Turbo ให้กำลังสูงสุด 476 แรงม้าที่ 2,250-4,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตรที่ 5,500-6,500 รอบต่อนาที ทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลาเพียง 3.9 วินาที และความเร็วสูงสุด 295 กิโลเมตร/ชั่วโมง มาพร้อมระบบขับเคลื่อนแบบ AMG Performance 4MATIC+ แบบ all-wheel drive ซึ่งถูกปรับแต่งให้สามารถใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งการขับขี่บนถนนปกติและในสนามแข่ง
 
ภายในหรูหราและฟังก์ชั่นครบครันทั้งหน้าจอแบบ จอตรงกลางขนาด 11.9 นิ้ว ระบบปฏิบัติการ MBUX7 ควบคุมด้วยระบบสัมผัส และหน้าจอ Driver’s display ขนาด 12.3 นิ้ว มาพร้อมโหลดขับขี่ที่เร้าใจ ขับเคลื่อน AMG Performance 4MATIC+ ถูกปรับจูนด้วยช่วงล่างติดตั้งระบบ AMG RIDE CONTROL Sports Suspension ปรับได้ 3 ระดับ ได้แก่ Comfort, Sport และ Sport+ 
 
Mercedes-AMG G 63 Off-Road เหนือกาลเวลา ราคาเริ่มต้น 18,800,000 บาท

Mercedes-AMG G 63 SUV ทรงที่มีเอกลักษณ์สไตล์เรโทรอันโด่งดัง เจ้าของตำแหน่งพี่ใหญ่แห่งเส้นทาง Off-Road พร้อมสมรรถนะที่ทรงพลัง เครื่องยนต์เบนซิน V8 Bi-Turbo ผสาน Mild Hybrid  ขนาด 4.0 ลิตร ที่ออกแบบโดย AMG และเกียร์แบบใหม่ AMG SPEEDSHIFT TCT 9-SPEED SPORTS TRANSMISSION พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์ลื่นไหลและแม่นยำ มอบพละกำลังสูงสุด 585 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 850 นิวตันเมตร ทำให้สามารถเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายใน 4.5 วินาที   
 
ภายนอกตกแต่งด้วย AMG Bodystyling ระบบเบรกแบบ AMG High-Performance Braking System ท่อไอเสียแบบ AMG performance exhaust system กาบบันไดเรืองแสงพร้อมตราสัญลักษณ์ AMG บันไดข้างแบบสเตนเลส และระบบกันสะเทือนแบบ AMG RIDE CONTROL  ล้ออัลลอย AMG แบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 21" และสัญลักษณ์ V8 BITURBO

 
ภายในจอแสดงข้อมูลขับขี่ Digital Widescreen Cockpit ขนาด12.3" และระบบมัลติมิเดีย COMAND Online หน้าจอขนาด 12.3 อย่างคันนี้มีการติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติมจบที่ 21 ล้านบาท แบบครบ ๆ จากราคาเริ่มต้นที่ 18 ล้านบาท
 
 
MANUFAKTUR Exclusive โปรแกรมปรับแต่งรถยนต์ได้อย่างอิสระ

ความพิเศษของ Mercedes-AMG สามารถเลือกออปชันต่าง ๆ ของตัวรถได้ตามต้องการภายใต้คอนเซปต์ “MADE TO MEASURE” เพื่อลูกค้าในกลุ่ม Top-End Luxury ครอบคลุมทั้งโมเดล S-Class จนไปถึงไลน์อัพระดับ Flagship ของแบรนด์ Mercedes-AMG และ Mercedes-Maybach รวมถึงโมเดลต้นกำเนิดของ MANUFAKTUR อย่าง G-Class ซึ่งโปรแกรมดังกล่าวจะทำให้ลูกค้าสามารถปรับแต่งรถยนต์ของตัวเองได้อย่างไร้ขีดจำกัด ไม่ว่าจะเป็นการเลือกสีตัวถังเพิ่มเติมได้มากขึ้นถึง 50 แบบ และออปชันสีภายในอีกกว่า 20 แบบ รวมถึงแพ็กเกจ MANUFAKTUR optional extra ที่ให้คุณตกแต่งรถยนต์รอบคันทั้งภายในและภายนอกได้ตามที่ต้องการ
 

โดยถ้าให้พูดถึงโปรแกรม MANUFAKTUR สำหรับ G-Class คุณจะสามารถออกแบบรถยนต์ของคุณให้มีความแตกต่างกันได้มากถึง 1 ล้านแบบ เช่น เลือก สีเบาะ สีเข็มขัดนิรภัย ชุดตกแต่ง ล้ออัลลอย หรือจะเพิ่มสมรรถนะของเครื่องยนต์จากเดิม ให้แรงขึ้นได้อีกด้วย ซึ่งนั่นทำให้ G-Class ทุกคันที่อยู่บนถนนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่สะท้อนถึงเจ้าของรถได้อย่างชัดเจน
 
รถยนต์ Mercedes-AMG อีกมากมายหลายรุ่นให้ได้สัมผัสและตัวจริงภายในบูธ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ทั้งซีดาน เอสยูวี รถยนต์ไฟฟ้า 100% ตระ EQ และ รถยนต์สำหรับเดินทางขนาดใหญ่อย่าง Vito หรือ V-Class

 
แคมเปญสุดพิเศษเพื่อ “คน คลั่ง เบนซ์ (Passion for Benz)” ในงาน Motor Show 2025

เป็นเจ้าของ Mercedes-Benz ที่ตรงใจคุณได้ด้วยข้อเสนอพิเศษเดียวกับ Motor Show 2025
 
+++ไฮไลท์ข้อเสนอพิเศษ:
- ดาวน์ 0 บาท
- รับประกันภัยชั้นหนึ่ง MB Protection นาน 1 ปี
Mercedes-Benz CLS 220 d
   ดาวน์ 0 บาท ผ่อนเริ่มต้น 51,900 บาท/เดือน ด้วยโปรแกรม mySTAR*
Mercedes-AMG CLS 53
   ดาวน์ 0 บาท ผ่อนเริ่มต้น 63,900 บาท/เดือน ด้วยโปรแกรม mySTAR*
Mercedes-Benz CLE
   รับประกันภัยชั้นหนึ่ง MB Protection นาน 1 ปี ค่างวดเริ่มต้น 36,300 บาท/เดือน
Mercedes-Benz GLC Coupé
   ดาวน์ 0 บาท ผ่อนเริ่มต้น 58,900 บาท/เดือน ด้วยโปรแกรม mySTAR*
 
+++ไฮไลท์ข้อเสนอพิเศษ:
- รับส่วนลดสุงสุด มูลค่า 330,000 บาท
- รับประกันภัยชั้นหนึ่ง MB Protection นานสุงสุด 3 ปี
- รับ MBSP Easy Care และ MBSP Extra Guarantee นาน 8 ปี
Mercedes-Benz A-Class
   ส่วนลดมูลค่า 330,000 บาท ค่างวดเริ่มต้น 17,900 บาท/เดือน
Mercedes-Benz GLA
   ส่วนลดมูลค่า 260,000 บาท ค่างวดเริ่มต้น 20,800 บาท/เดือน
Mercedes-Benz C 220 d
   ส่วนลดมูลค่าสูงสุด 250,000 บาท ค่างวดเริ่มต้น 24,300 บาท/เดือน
Mercedes-Benz C 350 e Night Edition
   ส่วนลดมูลค่าสูงสุด 170,000 บาท ค่างวดเริ่มต้น 30,700 บาท/เดือน
Mercedes-Benz GLC 220 d
   ส่วนลดมูลค่า 130,000 บาท ค่างวดเริ่มต้น 32,800 บาท/เดือน
Mercedes-Benz GLC 350 e
   ดาวน์ 0 บาท ผ่อนเริ่มต้น 52,900 บาท/เดือน ด้วยโปรแกรม mySTAR*
Mercedes-Benz E-Class
   รับประกันภัยชั้นหนึ่ง MB Protection นาน 1 ปี ค่างวดเริ่มต้นที่ 34,000 บาท/เดือน
Mercedes-Benz S-Class (MY2023)
   รับ MBSP Easy Care และ MBSP Extra Guarantee นาน 8 ปี
   รับประกันภัยชั้นหนึ่ง MB Protection นาน 3 ปี
 
สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า EQS จาก Mercedes-Benz
+++ไฮไลท์ข้อเสนอพิเศษ:
- เงินชำระครั้งแรก 0%
- ชาร์จพลังงานไฟฟ้าแบบ DC ไม่จำกัดจำนวนครั้ง นาน 1 ปี
- รับฟรี Wallbox พร้อมติดตั้ง
Mercedes-Benz EQE
   เงินชำระครั้งแรก 0% ออกรถได้ทันที ค่างวดเริ่มต้น 53,000 บาท/เดือน
   ชาร์จพลังงานไฟฟ้าแบบ DC ไม่จำกัดจำนวนครั้ง นาน 1 ปี
   รับฟรี Wallbox พร้อมติดตั้ง
Mercedes-Benz EQE SUV
   เงินชำระครั้งแรก 0% ออกรถได้ทันที ค่างวดเริ่มต้น 45,000 บาท/เดือน
   ชาร์จพลังงานไฟฟ้าแบบ DC ไม่จำกัดจำนวนครั้ง นาน 1 ปี
   รับฟรี Wallbox พร้อมติดตั้ง
Mercedes-AMG EQE 53
    เงินชำระครั้งแรก 0% ออกรถได้ทันที ค่างวดเริ่มต้น 67,000 บาท/เดือน
    ชาร์จพลังงานไฟฟ้าแบบ DC ไม่จำกัดจำนวนครั้ง นาน 1 ปี
   รับฟรี Wallbox พร้อมติดตั้ง
Mercedes-Benz EQS
    เงินชำระครั้งแรก 0% ออกรถได้ทันที ค่างวดเริ่มต้น 72,000 บาท/เดือน
    ชาร์จพลังงานไฟฟ้าแบบ DC ไม่จำกัดจำนวนครั้ง นาน 1 ปี
    รับฟรี Wallbox พร้อมติดตั้ง
Mercedes-Benz EQS SUV
   เงินชำระครั้งแรก 0% ออกรถได้ทันที ค่างวดเริ่มต้น 77,000 บาท/เดือน
   ชาร์จพลังงานไฟฟ้าแบบ DC ไม่จำกัดจำนวนครั้ง นาน 1 ปี
   รับฟรี Wallbox พร้อมติดตั้ง
 
Mercedes-Benz commercial van หลากหลายรุ่น
+++ไฮไลท์ข้อเสนอพิเศษ:
- รับส่วนลดสุงสุด มูลค่า 100,000 บาท
- ค่างวดเริ่มต้น 29,000 บาท/เดือน
- รับประกันภัยชั้นหนึ่ง MB Protection นาน 1 ปี
Mercedes-Benz commercial van
ไฮไลท์ข้อเสนอพิเศษ:
- รับส่วนลดสุงสุด มูลค่า 100,000 บาท
- ค่างวดเริ่มต้น 29,000 บาท/เดือน
- รับประกันภัยชั้นหนึ่ง MB Protection นาน 1 ปี
Mercedes-Benz Vito (FL)
   ค่างวดเริ่มต้น 29,000 บาท/เดือน
Mercedes-Benz V 300 d Exclusive (FL)
   ค่างวดเริ่มต้น 56,900 บาท/เดือน
Mercedes-Benz Sprinter
   ส่วนลดมูลค่าสูงสุด 100,000 บาท
   รับประกันภัยชั้นหนึ่ง MB Protection นาน 1 ปี
 

“Friend with Benz” แนะนำมาเป็นเพื่อนกัน
รับสิทธิพิเศษเพียงแค่แนะนำเพื่อนให้มาเป็นเจ้าของรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในฝัน!

วิธีการเข้าร่วม:
1. คุณต้องเป็นเจ้าของ Mercedes-Benz: เพียงเป็นเจ้าของรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ ก็สามารถเข้าร่วมแคมเปญนี้ได้

2. แนะนำเพื่อน: เชิญชวนเพื่อนของคุณให้มาเป็นเจ้าของรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ หลังจากเพื่อนของคุณตัดสินใจซื้อรถ ให้เพื่อนแจ้งชื่อของคุณในฐานะผู้แนะนำกับตัวแทนจำหน่ายฯ

3. รับสิทธิพิเศษ: เมื่อเพื่อนของคุณซื้อรถแล้ว คุณจะได้รับรับสิทธิพิเศษจากตัวแทนจำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทั่วประเทศ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ตัวแทนจำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ
 
"Friend with Benz" มาเป็นเพื่อนกัน ไม่ว่าคุณจะใช้รุ่นไหนปีไหนหรือ มีความชื่นชอบ มาเป็นเพื่อนกับเราได้ที่บูธเมอร์เซเดส-เบนซ์ หมายเลข A17 ณ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 2 เมืองทองธานี หรือที่ตัวแทนจำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม – 6 เมษายน 2568 

7
Doctor At Home: มะเร็งรังไข่ (Ovarian cancer)

มะเร็งรังไข่ พบเป็นอันดับที่ 6 ของมะเร็งในผู้หญิง พบได้ในหญิงทุกวัย แต่มากในช่วงอายุ 50-60 ปี

มะเร็งรังไข่บางชนิดอาจพบในเด็กก่อนหรือหลังอายุ 10 ปี

สาเหตุ

ยังไม่ทราบแน่ชัด พบว่ามีปัจจัยเสี่ยงของการเกิดมะเร็งชนิดนี้ ได้แก่

    อายุมาก (มักพบมะเร็งชนิดนี้ในหญิง 50-60 ปี)
    การไม่มีบุตร หรือมีบุตรคนแรกเมื่ออายุมากกว่า 35 ปี
    การใช้ฮอร์โมนเอสโทรเจนทดแทนหลังวัยหมดประจำเดือนติดต่อกันนานเกิน 5 ปี
    การมีภาวะอ้วนตั้งแต่วัย 18 ปี
    การมีประวัติว่ามีพ่อแม่ พี่น้องหรือบุตรเป็นมะเร็งรังไข่ เต้านม เยื่อบุมดลูกหรือลำไส้ใหญ่ ซึ่งเกิดจากยีนผิดปกติที่สามารถถ่ายทอดสู่ลูกหลานได้

อาการ

ระยะแรกมักไม่มีอาการแสดง ต่อมามีอาการคล้ายโรคของกระเพาะปัสสาวะและทางเดินอาหารทั่วไป เช่น แน่นท้อง ท้องอืด มีลมในท้อง คลื่นไส้ รู้สึกปวดปัสสาวะที่ต้องรีบเข้าห้องน้ำ ปัสสาวะบ่อย ปวดท้องน้อย การขับถ่ายผิดปกติไปจากเดิม (เช่น ท้องผูก ท้องเดิน) เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย น้ำหนักลดหรือขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ ปวดหลังตอนล่าง เจ็บปวดขณะร่วมเพศ เป็นต้น ซึ่งมักจะมีอาการอย่างต่อเนื่องและค่อย ๆ มากขึ้นทีละน้อย

บางรายอาจมีประจำเดือนผิดปกติ เช่น ปวดประจำเดือน หรือเลือดออกกะปริดกะปรอย

บางรายอาจมีอาการปวดท้องเฉียบพลันแบบถุงน้ำรังไข่ที่มีขั้วบิด

ในระยะท้ายจะมีอาการคลำได้ก้อนในท้อง ท้องมาน (ท้องบวมหรือเสื้อผ้าคับท้องหรือเอว) และอาการของภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากมะเร็งลุกลามไปยังบริเวณข้างเคียงและอวัยวะอื่น


ภาวะแทรกซ้อน

เกิดภาวะแทรกซ้อนของอวัยวะต่าง ๆ ที่มะเร็งแพร่กระจายไป มักลุกลามไปที่กระเพาะอาหาร ลำไส้ (ทำให้เกิดภาวะกระเพาะลำไส้อุดกั้น อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายเป็นเลือด), เนื้อเยื่อในช่องท้อง (ปวดท้อง ท้องมาน), ตับ (เจ็บชายโครงขวา ตาเหลืองตัวเหลือง ท้องมาน)

นอกจากนี้ อาจแพร่กระจายไปที่กระดูก (ปวดกระดูก กระดูกพรุน กระดูกหัก ปวดหลัง ไขสันหลังถูกกดทับ), ปอด (เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก), ไต (ปวดหลัง ปัสสาวะเป็นเลือด), สมอง (ปวดศีรษะมาก อาเจียนมาก เวียนศีรษะ บ้านหมุน เดินเซ แขนขาชาและเป็นอัมพาต ชัก)

การวินิจฉัย

แพทย์จะทำการวินิจฉัยโดยการตรวจภายในช่องคลอด ซึ่งมักคลำได้ก้อนรังไข่ และทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติม เช่น อัลตราซาวนด์ ถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ การใช้กล้องส่องเข้าช่องท้อง (laparoscopy) เพื่อตรวจดูรังไข่และตัดชิ้นเนื้อรังไข่ไปตรวจทางห้องปฏิบัติการ บางรายอาจทำการตรวจหาระดับสารบ่งชี้มะเร็ง (tumor marker) ได้แก่ สาร CA 125 (cancer antigen 125) ในเลือดซึ่งมีส่วนช่วยในการวินิจฉัย

หากพบว่าเป็นมะเร็งก็จะทำการตรวจเพิ่มเติมด้วยวิธีต่าง ๆ (เช่น เอกซเรย์, อัลตราซาวนด์, เอกซเรย์คอมพิวเตอร์, การถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า-MRI, การตรวจเพทสแกน- PET scan เป็นต้น) เพื่อประเมินว่าเป็นมะเร็งระยะใด


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การรักษาด้วยการผ่าตัดร่วมกับเคมีบำบัด และ/หรือการใช้ยาแบบจำเพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็ง (targeted therapy drugs) บางรายอาจให้รังสีบำบัดร่วมด้วย

ผลการรักษา เนื่องจากมะเร็งรังไข่มักตรวจพบในระยะท้ายที่มะเร็งลุกลามไปไกลแล้ว การรักษาจึงได้ผลไม่สู้ดี (มีอัตราการรอดชีวิตเกิน 5 ปี ประมาณร้อยละ 30-40) แต่ถ้าตรวจพบระยะแรกก็มักจะสามารถรักษาให้หายขาดได้ (มีอัตราการรอดชีวิตเกิน 5 ปี ประมาณร้อยละ 80-95)


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการแน่นท้อง ท้องอืด ปวดท้องน้อย ปัสสาวะบ่อย เรื้อรังโดยไม่ทราบสาเหตุ, ท้องมาน (มีน้ำในท้อง) หรือคลำได้ก้อนในท้อง เป็นต้น ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นมะเร็งรังไข่ ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    หลีกเลี่ยงการซื้อยามากินเอง
    หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
    กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นผัก ผลไม้ ธัญพืช โปรตีนที่มีไขมันน้อย (เช่น ปลา ไข่ขาว เต้าหู้ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง)
    นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และหาทางผ่อนคลายความเครียด
    ออกกำลังกายและทำกิจกรรมต่าง ๆ รวมทั้งงานอดิเรกที่ชอบ และงานจิตอาสา เท่าที่ร่างกายจะอำนวย
    ทำสมาธิ เจริญสติ หรือสวดมนต์ภาวนาตามหลักศาสนาที่นับถือ
    ถ้ามีโอกาสควรหาทางเข้าร่วมกิจกรรมของกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อน หรือกลุ่มมิตรภาพบำบัด
    ผู้ป่วยและญาติควรหาทางเสริมสร้างกำลังใจให้ผู้ป่วย ยอมรับความจริง และใช้ชีวิตในปัจจุบันให้ดีและมีคุณค่าที่สุด
    ถ้าหากมีเรื่องวิตกกังวลเกี่ยวกับโรคและวิธีบำบัดรักษา รวมทั้งการแสวงหาทางเลือกอื่น (เช่น การใช้สมุนไพร ยาหม้อ ยาลูกกลอน การนวด ประคบ การฝังเข็ม การล้างพิษ หรือวิธีอื่น ๆ) ควรขอคำปรึกษาจากแพทย์ และทีมสุขภาพที่ดูแลประจำและรู้จักมักคุ้นกันดี

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีอาการไม่สบายหรืออาการผิดปกติ เช่น มีไข้ อ่อนเพลียมาก หอบเหนื่อย หายใจลำบาก ชัก แขนขาชาหรืออ่อนแรง ซีด มีเลือดออก ปวดท้อง ท้องเดิน อาเจียน เบื่ออาหารมาก  กินไม่ได้ ดื่มน้ำไม่ได้ เป็นต้น
    ขาดยาหรือยาหาย
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินที่บ้าน ถ้ากินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ


การป้องกัน

ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผล

พบว่ามีปัจจัยที่อาจลดความเสี่ยงของมะเร็งรังไข่ ได้แก่

    การมีบุตรมาก
    การเลี้ยงทารกด้วยนมมารดา
    การกินยาเม็ดคุมกำเนิดนานมากกว่า 5 ปีขึ้นไป แต่เนื่องจากยานี้มีผลข้างเคียงหลายอย่าง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อดูความเหมาะสมและความปลอดภัยในการใช้ยานี้
    ถ้ามีญาติสายตรงเป็นมะเร็งเต้านมหรือรังไข่ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจดูว่ามียีนผิดปกติที่ทำให้เกิดมะเร็งหรือไม่ ถ้าพบแพทย์จะได้แนะนำหาวิธีป้องกัน (เช่น ในรายที่มีอายุมากกว่า 35 ปีและมีบุตรแล้ว แพทย์อาจแนะนำให้ผ่าตัดรังไข่ออกไป)

ข้อแนะนำ

1. หลังอายุ 40 ปี ควรได้รับการตรวจภายในช่องคลอดและตรวจอัลตราซาวนด์ปีละครั้ง พร้อมกับการตรวจมะเร็งปากมดลูก จะช่วยให้สามารถตรวจพบมะเร็งรังไข่ระยะแรกและรักษาให้หายขาดได้

2. ปัจจุบันมีวิธีบำบัดรักษาโรคมะเร็งใหม่ ๆ ที่อาจช่วยให้โรคหายขาดหรือทุเลา หรือช่วยให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ผู้ป่วยจึงควรติดต่อรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคมะเร็ง มีความมานะอดทนต่อผลข้างเคียงของการรักษาที่อาจมีได้ อย่าเปลี่ยนแพทย์ เปลี่ยนโรงพยาบาลโดยไม่จำเป็น หากสนใจจะแสวงหาทางเลือกอื่น (เช่น การใช้สมุนไพร หรือวิธีอื่น ๆ) ควรขอคำปรึกษาจากแพทย์ และทีมสุขภาพที่ดูแลประจำและรู้จักมักคุ้นกันดี

8
motor show: New GWM Haval H6 PHEV วิ่ง EV 150 กม. ปรับใหม่ ทั้งคัน 70% เพื่อคนไทย

เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) เปิดตัว New GWM HAVAL H6 HEV และ PHEV รุ่นปี 2025 ที่มีการแปลงโฉมใหม่ให้ดูล้ำสมัย พร้อมอัปเกรดระบบซอฟต์แวร์ให้เหนือชั้นไปอีกขั้น ระบบอินโฟเทนเมนต์ที่เหนือชั้น และสมรรถนะที่ให้มาแบบจัดเต็ม และยังตอบรับเสียงของผู้บริโภคชาวไทยกับการพัฒนาช่วงล่างใหม่ให้ตอบโจทย์ความชื่นชอบและการขับขี่ของคนไทยมากยิ่งขึ้น โดยไฮไลต์ยังคงเป็นรุ่น PHEV ที่มีระยะทางการขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ไกลที่สุดในเซกเมนต์ ตอบโจทย์ครอบครัวยุคใหม่ที่กำลังมองหานวัตกรรมล้ำหน้าเพื่อทุกการเดินทางที่แตกต่าง โดยในครั้งนี้ กูรูช้าง-สินธนุ จำปีศรี ได้สัมผัสกับ New GWM Haval H6 PHEV ในกิจกรรมทดสอบสมรรถนะในเส้นทาง GWM ลาดกระบัง – เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี จะเป็นอย่างไรบ้างนั้นไปรับชมในคลิปกันเลยครับ
 
รุ่นและสี New GWM Haval H6
New GWM Haval H6 มาพร้อมกับ 3 รุ่นย่อย ครอบคลุมทั้งรุ่นเครื่องยนต์ไฮบริดและปลั๊กอิน-ไฮบริด ได้แก่
New GWM Haval H6 Hybrid SUV รุ่น PRO
New GWM Haval H6 Plug-in Hybrid SUV รุ่น PRO
New GWM Haval H6 Plug-in Hybrid SUV รุ่น ULTRA
โดยมีสีตัวถังให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีเทา, สีดำ และสีขาว ส่วนภายในจะเป็นสีดำ
 
ดีไซน์ภายนอกใหม่

New GWM Haval H6 มากับมิติตัวรถที่มีความยาว 4,703 มม., กว้าง 1,886 มม., สูง 1,730 มม., ระยะฐานล้อ 2,738 มม. ระยะความสูงใต้ท้องรถ 170 มม. และรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูทันสมัยมากขึ้น โลโก้เปลี่ยนเป็น GWM ทำให้ลุคพรีเมียมขึ้น ด้วย กระจังหน้าสี Black Chrome, ไฟหน้า LED ที่มีระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ, ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ, ฟังก์ชันหน่วงเวลาไฟล่องทางหลังดับเครื่องยนต์ (Follow Mo Home),ระบบไฟ Signature Light แบบ Waterfall ร่วมกับระบบไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED


ระบบไฟท้ายแบบ LED Light Strip แบบรมดำและระบบไฟตัดหมอกหลัง LED ส่วน ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว รมดำลายสปอร์ต นาด 225/55 R19 สำหรับรุ่นไฮบริด และขนาด 235/55 R19 สำหรับรุ่นอิน-ไฮบริด โดยทุกรุ่นมากับชุดซ่อมยางฉุกเฉิน เสริมความสปอร์ตด้วยคิ้วประตู หน้าต่างและฝาท้ายแบบสีเปียโนแบล็ก, กระจกมองข้างปรับและพับด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยวแบบสีเปียโนแบล็ก,


ราวหลังคาแบบสีเปียโนแบล็ก, เสาอากาศแบบครีบฉลาม, ประตูเปิด-ปิดไฟฟ้า สำหรับ New GWM Haval Plug-in Hybrid SUV รุ่น ULTRA จะได้ระบบแฮนด์ฟรีเพียงแค่ยกเท้าผ่านระบบเซนเซอร์ใต้กันชนท้าย ประตูท้ายรถก็จะทำการเปิดโดยอัตโนมัติ, หลังคาซันรูฟแบบพาโนรามิกเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า
 
ภายในปรับปรุงใหม่

เติมสีสันให้ห้องโดยสารด้วย ไฟ Ambient Light, พวงมาลัยหุ้มหนังแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อม หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่กระจกด้านหน้า (เฉพาะใน New  GWM Haval H6 Plug-in Hybrid SUV รุ่น ULTRA), ระบบเบรกมือไฟฟ้า พร้อมฟังก์ชันหยุดอัตโนมัติขณะรถหยุดนิ่ง, เกียร์แบบ Electronic Shifter

กุญแจ Smart Key และระบบ Push start system, กระจกมองหลังปรับแสงอัตโนมัติ (เฉพาะใน New GWM Haval H6 Plug-in Hybrid SUV รุ่น ULTRA)


คอนโซลกลางสองชั้น พร้อมพนักวางแขนและที่วางแก้วน้ำ, เบาะนั่งภายในห้องโดยหุ้มด้วยหนังสังเคราะห์ปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง พร้อมระบบดันหลังไฟฟ้า(คนขับ) สำหรับผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับตำแหน่งด้านคนขับ,ระบบระบายอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหน้า,เบาะนั่งแถวที่ 2 พับได้แบบ 60:40,ช่องต่อ USB สำหรับผู้โดยสารด้านหน้าและหลัง 4 จุด และช่องต่อ USB สำหรับกล้องบันทึกภาพ 1 จุด

นอกจากนี้ New GWM Haval H6 ยังพร้อม หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบ ดิจิทัลขนาด 10.25 นิ้ว, พร้อมแสดงระบบนำทาง มีระบบสั่งการด้วยเสียง, ระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย, ระบบล็อกประตูอัตโนมัติเมื่อถึงความเร็วที่กำหนด,ระบบปรับอากาศอัตโนมัติพร้อมระบบกรองอากาศ CN95, ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง, การเชื่อมต่อไวไฟเพื่อให้ผู้โดยสารสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้อย่างสะดวกสบายในระหว่างการเดินทาง

ระบบเครื่องเสียง Amor luxury hifi system ลำโพง จำนวน 8 ตำแหน่ง พร้อม Treble Woofer ให้เสียงคมชัด, หน้าจอมัลติมีเดียแบบสัมผัสขนาด 14.6 นิ้วที่รองรับทั้ง Apple CarPlay, Android Auto (จะเปิดให้ใช้งานตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2568 เป็นต้นไป) Bluetooth และ MP3
 
สมรรถนะ

New GWM Haval H6 รุ่นไฮบริด มากับเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลัง 110 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 230 นิวตันเมตร ผสานมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลัง  179 กิโลวัตต์ หรือ 243 แรงม้า แรงบิด 530 นิวตันเมตร ส่วน New GWM Haval H6 รุ่นปลั๊กอิน-ไฮบริด มากับเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เทอร์โบ ผสานพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลัง 240 กิโลวัตต์ หรือ 326 แรงม้า แรงบิด 530 นิวตันเมตร สำหรับรุ่นนี้จะมีระยะทางการขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าไกลที่สุดในเซกเมนต์ถึง 150 กิโลเมตร (มาตราฐาน NEDC) ส่วนแบตเตอรี่จะเป็น Lithium Ion กับความจุ 27.54 กิโลวัตต์/ชั่วโมง กับหัวชาร์จประเภท CCS Type 2 combo ซึ่งรองรับการชาร์จแบบ DC 41 กิโลวัตต์ รวดเร็วกว่ารถยนต์ปลั๊กอิน-ไฮบริดในเซกเมนต์
 
และทั้ง 3 รุ่น มาพร้อมกับระบบเกียร์ DHT (Dedicated Hybrid Transmission) ซึ่งเป็นระบบเกียร์ที่ถูกพัฒนาและออกแบบมาเพื่อใช้งานร่วมกับเครื่องยนต์ไฮบริด, ระบบช่วงล่างที่มีการพัฒนาใหม่เพื่อตอบโจทย์ความชื่นชอบและการขับขี่ของคนไทยมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้แล้วยังมีพวงมาลัยไฟฟ้าปรับ 3 ระดับ,โหมดการขับขี่ถึง 4 โหมด (ปกติ,สปอร์ต,ประหยัดและหิมะ) แต่ New GWM Haval H6 รุ่นปลั๊กอิน-ไฮบริด มาพร้อมกับโหมดการขับขี่ 2 ระบบ ได้แก่ โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด และโหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า โดยมีความจุถังน้ำมันถึง 61 ลิตร ในรุ่นไฮบริดและ 55 ลิตร ในรุ่นปลั๊กอิน-ไฮบริด
 
ออปชั่นจัดเต็มใน New GWM Haval H6
โดยทั้ง 3 รุ่น มาพร้อมกับการเชื่อมต่อและการควบคุมรถจากระยะทางไกลผ่านแอปพลิเคชันที่พร้อมมอบความสะดวกสบายขั้นสุดให้กับผู้ขับขี่ในทุกมิติ แต่สำหรับรุ่นปลั๊กอิน-ไฮบริดจะได้ระบบตรวจสอบสถานะการชาร์จ, ระบบจัดการการชาร์จ, ระบบตรวจสอบสถานะและระบบปิดหลังคาขันรูฟ (สำหรับ Plug-in Hybrid SUV รุ่น ULTRA) ทั้ง 3 รุ่นยังมากับระบบความปลอดภัยและเทคโนโลยีอัจฉริยะมากกว่า 31 รายการ เพื่อให้ทุกการเดินทางของผู้ขับขี่และผู้โดยสารเต็มไปด้วยความปลอดภัยและมั่นใจ สูงสุด
 
สรุป

หลังจากที่ได้ลองขับเจ้า New GWM Haval H6 Plug-in Hybrid บนเส้นทาง GWM ลาดกระบัง – เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี พบว่าโหมด EV นั้นสามารถใช้งานได้จริงแบบแทบไม่ต้องพึ่งพาน้ำมันเลย แถมยังให้ฟีลลิ่งการขับขี่ที่เหมือนรถยนต์ไฟฟ้า 100% อีกต่างหาก และด้วยขับขี่ในโหมด EV ที่สามารถทำได้ถึง 150 กิโลเมตร ประกอบกับจากการขับขี่ในโหมดไฮบริดก็ยังสามารถทำได้ 4.7 ลิตร / 100 กม. หรือประมาณ 21 กม./ลิตร

ทำให้ New GWM Haval H6 Plug-in Hybrid ดูคุ้มค่าน่าซื้อกว่ากว่าคู่แข่งที่มีอยู่ในตลาดขณะนี้ ส่วนราคาจำหน่ายจะอยู่ที่เท่าไหร่นั้นคงต้องการประกาศอย่างทางการในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 ที่กำลังจะถึงนี้

9
จัดฟันบางนา: ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ หลังจากการครอบฟัน ?

การครอบฟัน ถือได้ว่าเป็นการรักษาทางทันตกรรมที่เป็นที่นิยมเป็นอย่างมากทั้งในอดีตและปัจจุบัน ซึ่งการครอบฟันนี้เป็นการทำให้ฟันที่มีสุขภาพไม่แข็งแรงให้กลับมามีสภาพที่แข็งแรงอีกครั้งด้วยวัสดุอุปกรณ์ทางทันตกรรม โดยจะแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือ ครอบฟันแบบถาวร และ ครอบฟันแบบชั่วคราว โดยทั้ง 2 รูปแบบจะใช้วัสดุอุปกรณ์ที่ต่างกันออกไปตามความเหมาะสมในการใช้งาน

ซึ่งในวันนี้จะขอพาท่านผู้อ่านมาทำความรู้จัก และเข้าใจถึงปัญหาต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นเกี่ยวกับการครอบฟัน ซึ่งจะทำให้ท่านสามารถรู้จักวิธีแก้ไข และไม่ตื่นเต้นจนเกินไป โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้


เหตุใดการครอบฟันจึงมีความจำเป็น ?

– สิ่งแรกเลยที่ทุกคนทราบคุณประโยชน์ของการครอบฟันก็คือ เพื่อป้องกันฟันที่มีสภาพอ่อนแอไม่ให้แตกหักหรือว่าถูกทำลายได้ง่าย

– ฟันผุที่มีขนาดใหญ่จะทำให้ฟันนั้นมีความอ่อนแอเป็นอย่างมาก ต่อให้เมื่อทำการอุดฟันแล้วฟันยังมีสภาพๆไม่แน่นอน บางท่านจึงใช้วิธีทำการครอบฟันอีกชั้นเพื่อรักษาฟันซี่นั้นให้มีสภาพแข็งแรง

– เพื่อทำการยึดสะพานฟัน ไม่ให้ฟันซี่ที่มีปัญหาโยกคลอนหลุดออกได้

– ส่วนหนึ่งมักนิยมทำการครอบฟันเพื่อปกปิดฟันบางซี่ที่มีสภาพไม่สวยงามให้ดูดีและคงทนแข็งแรง

– ใช้ครอบรากฟันเทียมที่มีสภาพอ่อนแอ


วิธีการดูแลหลังการครอบฟัน ?

ต้องขอบอกเลยว่าการครอบฟันนั้น ไม่ได้ช่วยให้ฟันของท่านแข็งแรงกว่าปกติแต่อย่างใด ฟันของท่านยังสามารถที่จะมีปัญหา เหงือกของท่านก็สามารถที่จะมีปัญหาได้เช่นกัน เพราะเหตุนี้เอง ต่อให้ท่านทำการครอบฟันมาแล้ว ท่านก็ยังคงต้องดูแลช่องปากให้ถูกต้องตามหลักสุขอนามัย โดยการแปรงฟันให้ถูกต้องวันละ 2 ครั้ง เช้า (ตื่นนอน) เย็น (ก่อนนอน) เป็นอย่างน้อย และหลังจากการแปรงฟันก่อนนอนให้พยายามทำความสะอาดด้วยไหมขัดฟันอีกครั้ง เพื่อให้เศษอาหารที่เรารับประทานทั้งวันที่ติดตามซอกต่างๆของฟันที่ไม่สามารถทำความสะอาดได้ ให้ออกมาไม่เกิดการสะสมของเชื้อโรคต่างๆ

ซึ่งโดยปกติแล้วการครอบฟันนั้นจะมีอายุการใช้งานนานประมาณ 15 ปี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานของผู้ที่ทำการครอบฟันด้วย หากดูแลรักษาเป็นอย่างดีก็จะสามารถอยู่ได้เต็มอายุการใช้งาน แต่หากว่าท่านมีพฤติกรรมที่ไม่ค่อยดูแลสุขภาพฟัน แปรงฟันไม่ถูกวิธี ดูแลไม่สม่ำเสมอ รวมถึงชอบรับประทานของแข็ง เช่น ชอบเคี้ยวน้ำแข็ง หรือ ใช่ฟันเปิดผลิตภัณฑ์สินค้าต่างๆ เป็นต้น ก็อาจจะทำให้อายุการใช้งานลดน้อยลงตามวิธีการดูแลรักษานั่นเอง


การครอบฟันทำให้เกิดปัญหาใดได้บ้าง ?

– ช่องปากมีความรู้สึกแปลกๆ มีอาการเสียวฟัน

หลังจากที่ได้ทำการครอบฟันมาใหม่ๆ ทุกท่านจะเริ่มมีอาการเสียวฟันตามมาในระยะแรก เนื่องจากว่าฟันที่ทำการครอบมานั้นจะมีความรู้สึกที่ไวกว่าปกติ ยิ่งถ้าหากว่าฟันที่ครอบมายังคงมีประสาทฟันอยู่ก็อาจจะทำให้รู้สึกถึงความร้อนและความเย็นได้ วิธีแก้ไขก็คือการใช้ยาสีฟันสำหรับผู้ที่มีอาการเสียวฟัน

– ที่ครอบฟันหลวม

ข้อนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก สำหรับที่ครอบฟันหลวมนั้นอาจจะเกิดขึ้นได้เนื่องจากในบางครั้งสิ่งที่ใช้ยึดเกาะที่ครอบฟันกับฟันถูกชะล้างออก ทำให้เกิดช่องว่าง ซึ่งช่องว่างนี้เองที่จะทำให้เศษอาหารหรือเชื้อโรคต่างๆเข้าไปสะสมได้ง่ายและทำความสะอาดได้ยากมาก หากปล่อยทิ้งไว้จะทำให้เกิดโรคต่างๆมากมาย วิธีแก้ไขง่ายๆก็คือเข้าปรึกษาทันตแพทย์เพื่อทำการแก้ไขโดยเร็วที่สุด

– ที่ครอบฟันแตก

หากว่าทำการครอบฟันโดยใช้พอร์สเลน มีโอกาสมากในการเกิดแตกร้าว แต่ก็สามารถซ่อมแซมได้ด้วยคอมโพสิตเรซิ่น แต่ถ้าหากว่ามีการแตกมากเกิดแก้ไข ทันตแพทย์จะแนะนำให้ทำการครอบฟันใหม่ทั้งหมด

– มีอาการแพ้

ต้องขอบอกว่าวัสดุที่ใช้ในการครอบฟันนั้นส่วนใหญ่มีส่วนผสมของโลหะ ซึ่งมีโอกาสสามารถทำให้เกิดอาการแพ้ได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วจากการสำรวจพบว่า มีผู้ที่เกิดอาการแพ้มีจำนวนที่น้อยมากที่เข้ามาพบทันตแพทย์

10
ประหยัดเงินได้มหาศาล เมื่อโรงงานติดฉนวนกันความร้อน

โรงงานอุตสาหกรรมโดยส่วนใหญ่ จะให้ความสำคัญกับการลงทุนที่สร้างผลกำไรชัดเจนและควบคุมต้นทุนเสมอเพื่อให้สามารถทำรายได้และผลกำไรตามเป้าหมาย ซึ่งบางทีกับอะไรที่เป็นต้นทุนที่ไม่ได้ก่อให้เกิดรายได้ชัดเจน ก็มักจะมองข้ามไปก่อนทั้งที่จริงแล้วเรื่องนั้นอาจเป็นสิ่งสำคัญทำให้กิจการมีกำไรมากขึ้นได้มากกว่าวิธีอื่น ๆ ด้วยซ้ำ

โดยหนึ่งในสิ่งที่โรงงานส่วนใหญ่มักมองข้ามที่จะลงทุนกันมากก็คือการติดตั้ง “ฉนวนกันความร้อน” ซึ่งแม้จะดูเป็นการลงทุนก้อนใหญ่ แต่ประโยชน์จากการติดตั้ง ฉนวนกันความร้อน โรงงานนั้นมหาศาลมาก โดยสามารถช่วยให้โรงงานประหยัดเงินหรือประหยัดต้นทุนได้พ้รอมกันในหลาย ๆ ด้าน ดังต่อไปนี้


1.ประหยัดพลังงานในกระบวนการผลิตโดยตรง

ถือเป็นประโยชน์ทางตรงที่สำคัญมากสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม เพราะภายในโรงงานที่มีเครื่องจักรขนาดใหญ่ ทำงานหนัก ปล่อยความร้อนสะสมภายในโรงงานจำนวนมาก รวมถึงมีระบบปรับอากาศที่กินความร้อนสูง นอกจากนั้นก็ยังมีความร้อนจากดวงอาทิตย์ที่สะสมตลอดในช่วงกลางวันอีก ความร้อนเหล่านี้ส่งผลโดยตรงต่อการทำให้สิ้นเปลืองพลังงานมากขึ้น เหมือนกันกับที่บ้านยิ่งร้อนก็ยิ่งเปลืองไฟ

ด้วยเหตุนี้เอง ฉนวนกันความร้อนโรงงาน จึงมีส่วนสำคัญอย่างมากที่จะทำให้ในระยะยาวแล้วธุรกิจประหยัดค่าไฟได้อย่างมหาศาล ซึ่งเมื่อต้นทุนในการผลิตลดลง ต่อให้ยอดขายเท่าเดิม กำไรก็จะเพิ่มเติมมากขึ้นกว่าเดิมได้ในทันที


2.ประหยัดค่าซ่อมบำรุงเครื่องจักรเสียหาย

ผลสืบเนื่องสำคัญจากการปล่อยให้ความร้อนสะสมภายในโรงงานโดยไม่ติดตั้งฉนวนกันความร้อนก็คือ เครื่องจักรสำคัญของโรงงานจะทำงานหนักมากกว่าปกติ และเสื่อมสภาพการใช้งานได้ไวกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งเมื่อเครื่องจักรเสียหายนั้น ก็จำเป็นจะต้องเสียเงินก้อนใหญ่ในการซ่อมแซมให้สามารถกลับมาใช้งานได้โดยเร็วที่สุด เพราะหากปล่อยให้เครื่องจักรหยุดทำงานนานเกินไป กระบวนการผลิตก็จะหยุดชะงักตามไปด้วย

นั่นหมายความว่าสุดท้ายปลายทางแล้วถ้าเครื่องจักรเสียหาย ผู้ประกอบการจะไม่ได้แค่เสียเพียงค่าซ่อมบำรุงเครื่องจักรเท่านั้น แต่จะมีค่าเสียโอกาสจากการที่ต้องหยุดผลิตงาน รวมถึงค่าปรับ ค่าความเสียหายต่าง ๆ จากการผลิตงงานไม่ทันตามกำหนดอีกด้วย ดังนั้น การลงทุนติดตั้งฉนวนกันความร้อนในห้องเครื่องจักร เพื่อให้เกิดสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ไม่ทำร้ายเครื่องจักรนั้น จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากเลยทีเดียว


3.ประหยัดค่ารักษาดูแลสุขภาพพนักงาน

ข้อนี้ถือเป็นสิ่งที่หลายคนมักคิดไม่ถึงและมองข้ามไปเลย เพราะคิดภาพตามไม่ออกว่าโรงงานอุตสาหกรรมเสี่ยงอะไรขนาดนั้นกับการต้องดูแลสุขภาพพนักงาน แต่ในความเป็นจริงคือเสี่ยงอยู่ตลอดเวลา เพราะในหน้างานที่ต้องปฏิบัติงานท่ามกลางเครื่องจักร หากไม่มีฉนวนกันความร้อนปิดผิวเครื่องจักรที่มีความร้อนสูง หรือความเย็นสูงแล้ว จะถือว่าเสี่ยงอันตรายมาก หรือถึงแม้จะไม่มีเครื่องจักรความร้อนสูง แต่หากภายในพื้นที่มีความร้อนสะสมมากเกินไป พนักงานทำงานแล้วเกิดทนต่อความร้อนไม่ไหว เป็นลม เจ็บป่วย จนพลาดเกิดอุบัติเหตุไป ก็ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้ประกอบการโรงงานทั้งสิ้น

ซึ่งความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินนั้นถือว่ามหาศาลมาก เพราะนอกจากตัวเงินที่ต้องจ่ายแล้ว โรงงานอาจถูกฟ้องร้อง หรือถูกทำลายภาพลักษณ์จนเสียหายได้ว่า เป็นโรงงานที่ไม่ได้มาตรฐานและดูแลพนักงานไม่ดีพอ

11
ชุดปฏิบัติธรรม ชุดแม่ชี เราเป็น โรงงานผลิตโดยตรง
ตัดเย็บปราณีต ทรงสวย เรียบหรู ดูสง่างดงาม
ผลิตจาก ผ้าฝ้ายแท้ 100% เกรดพรีเมียม

ชุดปฏิบัติธรรม ชุดขาวไปวัด ชุดแม่ชี
– ราคาแยกรายชิ้น –
ทอย้อมจากโรงงานอุตสาหกรรมชั้นดี
พร้อมส่งทุกไซส์
(กรณีสั่งตัดไซส์พิเศษ รอผลิต 7-10 วัน)
จัดส่งฟรี‼ เมื่อลูกค้าโอนชำระ
มีบริการเก็บเงินปลายทาง (+ตัวละ 10.-)

รับตัดชุดขาวไซส์ใหญ่พิเศษ
หมดกังวล หาไซส์ไม่ได้ ทางร้านเป็นโรงงานผลิตโดยตรง
สามารถสั่งตัดชุดได้ตามความต้องการ รอผลิต 7-10 วันทำการ

ร้านอริยทรัพย์ ชุดขาวปฏิบัติธรรม
เบอร์มือถือ :  092-926-4142 , 063-289-5356
Facebook : ชุดขาวปฎิบัติธรรม อริยทรัพย์
Instagram : ariyasub.shop
ID Line : @ariyasub (มี@)
เว็บไซด์: https://ariyasub99.com/
สนใจตัดชุดขาวไซซ์พิเศษ ติดต่อมาได้เลยค่ะ

สัมผัสประสบการณ์ใหม่
จากผ้าฝ้ายแท้ 100%
 นุ่มสบาย ไม่ร้อน ไม่ระคายคือง
ใส่ใจทุกขั้นตอนการผลิต ตั้งแต่การคัดสรรเนื้อผ้า
การตัดเย็บ รวมไปถึงการจัดส่งแบบปกติ
และจัดส่งเร่งด่วน (Kerry EMS Grab)

ชุดขาวปฎิบัติธรรม ชุดขาวหญิง ชุดแม่ชี คุณภาพ
เน้นคุณภาพใส่ใจทุกขั้นตอน ตัดเย็บงานผ้าฝ้ายคุณภาพ (cotton 100%)
สวมใส่สบาย ระบายความร้อนได้ดี ไม่อึดอัด

ชุดปฎิบัติธรรมชาย คุณภาพ
เน้นคุณภาพใส่ใจทุกขั้นตอน ตัดเย็บงานผ้าฝ้ายคุณภาพ (cotton 100%)
สวมใส่สบาย ระบายความร้อนได้ดี ไม่อึดอัด


ร้านอริยทรัพย์ ชุดขาวปฏิบัติธรรม
เบอร์มือถือ :  092-926-4142 , 063-289-5356
Facebook : ชุดขาวปฎิบัติธรรม อริยทรัพย์
Instagram : ariyasub.shop
ID Line : @ariyasub (มี@)
เว็บไซด์: https://ariyasub99.com/
สนใจตัดชุดขาวไซซ์พิเศษ ติดต่อมาได้เลยค่ะ


12
หมอประจำบ้าน: ภาวะหลอดเลือดดำส่วนลึกมีลิ่มเลือด (Deep vein thrombosis/DVT)

หลอดเลือดดำบริเวณแขนขา บางครั้งอาจเกิดลิ่มเลือด (blood clot หรือ thrombus) ขึ้นภายในหลอดเลือด ซึ่งอาจเกิดได้ทั้งในหลอดเลือดดำส่วนผิว* และส่วนลึก

ที่สำคัญคือ การมีลิ่มเลือดเกิดขึ้นที่หลอดเลือดดำส่วนที่อยู่ลึกในกล้ามเนื้อ (ส่วนใหญ่เกิดที่บริเวณขา ส่วนน้อยอาจเกิดที่บริเวณแขน) เรียกว่า ภาวะหลอดเลือดดำส่วนลึกมีลิ่มเลือด ซึ่งอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงเนื่องจากลิ่มเลือดดังกล่าวหลุดลอยเข้าไปในปอด

ภาวะนี้มักพบในผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เลือดแข็งตัวง่ายหรือไหลเวียนช้า ดังนั้นจึงพบบ่อยในผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด อ้วน สูบบุหรี่ กินยาเม็ดคุมกำเนิด หรือไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกายอยู่นาน ๆ หญิงตั้งครรภ์หรือหลังคลอดบุตรใหม่ ๆ

โรคนี้พบได้ในคนทุกเพศทุกวัย แต่ส่วนใหญ่จะพบมากในคนวัยกลางคนและผู้สูงอายุ และมักเกิดกับผู้ที่เข้าพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล หรือได้รับการผ่าตัด

บางรายอาจเกิดภาวะนี้โดยไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน

*การเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำบริเวณผิว มักจะทำให้เกิดการอักเสบของหลอดเลือดร่วมด้วย เรียกว่า หลอดเลือดดำส่วนผิวอักเสบมีลิ่มเลือด (superficial thrombophlebitis) ภาวะนี้มีอันตรายน้อย และมักหายได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์ เนื่องจากเป็นลิ่มเลือดขนาดเล็ก และไม่หลุดลอยไปที่อื่น อาการที่พบ คือ หลอดเลือดดำที่มีลิ่มเลือดจะมีลักษณะคลำได้เป็นเส้นแข็ง ออกแดง ร้อน และเจ็บ ให้การรักษาตามอาการ ได้แก่ ให้ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ ประคบด้วยน้ำอุ่นจัด ๆ สวมใส่ถุงเท้าชนิดยืด หรือพันด้วยผ้าพันแผลชนิดยืด ยกเท้าสูงเวลานอนหรือนั่ง

สาเหตุ

ภาวะหลอดเลือดดำส่วนลึกมีลิ่มเลือดที่บริเวณขา อาจมีสาเหตุหรือมีปัจจัยเสี่ยง เช่น

    การไม่ได้ลุกขึ้นเดินเป็นเวลานานเกิน 3 ชั่วโมงขึ้นไป เช่น นั่งรถหรือเครื่องบินระยะทางไกล
    การนอนพักฟื้นอยู่บนเตียงนาน ๆ เช่น ผู้ป่วยหลังผ่าตัด กระดูกหัก หรือเป็นโรคหัวใจ
    ผู้ป่วยที่รับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพก ผู้ป่วยแขนขาเป็นอัมพาต หัวใจวาย หรือ โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง
    ผู้ที่ป่วยเป็นมะเร็งบางชนิดที่ทำให้เลือดแข็งตัวได้ง่าย (เช่น มะเร็งปอด มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งตับ มะเร็งตับอ่อน มะเร็งรังไข่) หรือมีการใช้ยาเคมีบำบัด เช่น darbepoetin, epoetin, tamoxifen เป็นต้น
    ผู้หญิงที่กินยาเม็ดคุมกำเนิด หรือฮอร์โมนทดแทนสำหรับหญิงวัยหมดประจำเดือน ซึ่งทำให้เลือดแข็งตัวง่าย
    หญิงตั้งครรภ์หรือหลังคลอดใหม่ ๆ (ไม่เกิน 6 สัปดาห์) ซึ่งจะทำให้มีแรงดันสูงในหลอดเลือดดำที่บริเวณเชิงกรานและขา
    ผู้สูงอายุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีภาวะขาดน้ำหรือสูบบุหรี่
    ผู้ที่รูปร่างอ้วน
    การมีภาวะบาดเจ็บต่อหลอดเลือดดำ เช่น การผ่าตัดหลอดเลือด หรือฉีดสารระคายเคืองเข้าหลอดเลือด
    การมีความผิดปกติที่ทำให้เลือดจับเป็นลิ่มง่าย
    มีประวัติว่าพ่อแม่พี่น้องมีภาวะหลอดเลือดดำส่วนลึกมีลิ่มเลือด หรือภาวะสิ่งหลุดอุดตันหลอดเลือดแดงปอด

ภาวะหลอดเลือดดำส่วนลึกมีลิ่มเลือดที่บริเวณแขน อาจมีสาเหตุหรือปัจจัยเสี่ยง เช่น

    ที่พบได้บ่อย คือ เกิดจากการทำหัตถการที่กระทบต่อหลอดเลือดดำที่บริเวณแขน เช่น การใส่สายสวนหลอดเลือดดำส่วนกลาง (central venous catheter), การใส่ตัวคุมจังหวะหัวใจ (cardiac pacemaker) เป็นต้น
    การบาดเจ็บ เช่น กระดูกไหปลาร้าหรือกระดูกต้นแขนหัก กล้ามเนื้อบริเวณต้นแขนได้รับบาดเจ็บ เป็นต้น
    การเล่นกีฬาที่ออกแรงมาก ๆ (เช่น ว่ายน้ำ เล่นเทนนิส ยกน้ำหนัก มวยปล้ำ พายเรือ) ทำให้หลอดเลือดดำที่คอและไหล่ตีบ กระตุ้นให้เกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำได้ มักพบในนักกีฬาอายุน้อย ซึ่งอาจเกิดขึ้นกับผู้ที่มีภาวะ Paget-Schroetter syndrome (PSS) หรือนักกีฬาที่แข็งแรงดีก็ได้
    นอกจากนี้ยังอาจเกี่ยวข้องกับปัจจัยแบบเดียวกับภาวะหลอดเลือดดำส่วนลึกมีลิ่มเลือดที่บริเวณขา เช่น ผู้ที่เป็นมะเร็งหรือได้รับยาเคมีบำบัด การมีความผิดปกติที่ทำให้เลือดจับเป็นลิ่มง่าย หรือมีประวัติพ่อแม่พี่น้องมีภาวะเลือดจับเป็นลิ่มง่าย การสูบบุหรี่ การไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกายอยู่นาน ๆ เป็นต้น

อาการ

ผู้ป่วยจะรู้สึกปวดหน่วง ๆ ตึง ๆ หรือเจ็บปวดที่ขา (บริเวณน่องหรือต้นขา) หรือที่แขน ส่วนใหญ่เป็นเพียงข้างใดข้างหนึ่ง อาการมักเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน แขนหรือขาข้างที่ปวดมีอาการบวมร่วมด้วย

ภาวะแทรกซ้อน

ที่สำคัญ ได้แก่ ลิ่มเลือดหลุดลอยเข้าสู่หัวใจและไปอุดตันในหลอดเลือดแดงปอด เรียกว่า ภาวะสิ่งหลุดอุดตันหลอดเลือดแดงปอด ซึ่งอาจรุนแรงถึงเสียชีวิตอย่างกะทันหันได้

ผู้ที่มีภาวะหลอดเลือดดำส่วนลึกมีลิ่มเลือดที่บริเวณขา อาจเกิดภาวะเลือดไปเลี้ยงหลอดเลือดดำไม่เพียงพอแบบเรื้อรัง (chronic venous insufficiency) เนื่องจากหลอดเลือดดำขาถูกทำลาย เลือดคั่งอยู่ในหลอดเลือดดำ ไม่อาจไหลกลับเข้าสู่หัวใจได้ตามปกติ ทำให้เกิดอาการปวดเท้า เท้าบวม

นอกจากนี้ ผู้ที่มีภาวะหลอดเลือดดำส่วนลึกมีลิ่มเลือดที่บริเวณขา หากปล่อยไว้นาน ๆ อาจเกิดการทำลายหลอดเลือดดำหรือลิ้นเล็ก ๆ ในหลอดเลือดดำขา (ที่ช่วยป้องกันไม่ให้เลือดไหลกลับลงเท้า) ทำให้เลือดไม่อาจไหลกลับเข้าสู่หัวใจได้ตามปกติ เลือดคั่งอยู่ในหลอดเลือดดำ มีอาการปวดเท้า เท้าบวมเรื้อรัง ผิวหนังบริเวณข้อเท้าด้านในกลายเป็นสีน้ำตาลแดง เป็นแผลง่าย หลอดเลือดขอดที่ขา เรียกว่า "ภาวะเลือดไปเลี้ยงหลอดเลือดดำไม่เพียงพอแบบเรื้อรัง (chronic venous insufficiency)" หรือ "กลุ่มอาการหลังเกิดลิ่มเลือด (post-thrombotic syndrome)"


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย ซึ่งมีสิ่งตรวจพบดังนี้

แขนหรือขาข้างที่ปวด มีลักษณะบวม มีสีแดงหรือคล้ำ กดถูกเจ็บ คลำดูรู้สึกร้อนกว่าปกติ บางรายอาจมีไข้ต่ำ ๆ ชีพจรเต้นเร็ว

การตรวจโดยจับปลายเท้ากระดกขึ้น ทำให้รู้สึกเจ็บน่องมากขึ้น เรียกว่า อาการโฮแมน (Homan’s sign) ซึ่งพบได้ประมาณร้อยละ 50 ของผู้ป่วย

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการตรวจพิเศษ เช่น อัลตราซาวนด์ (duplex ultrasonography), ถ่ายภาพรังสีหลอดเลือดดำด้วยการฉีดสารทึบรังสี (venography), ถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า/เอกซเรย์คอมพิวเตอร์

ในกรณีที่สงสัยว่าอาจมีภาวะสิ่งหลุดอุดตันหลอดเลือดแดงปอดก็จะทำการตรวจพิเศษอื่น ๆ เพิ่มเติม


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล โดยให้ผู้ป่วยนอนพักและยกเท้าสูง 6 นิ้ว ให้สารกันเลือดเป็นลิ่ม ได้แก่ เฮพาริน (heparin) ฉีดเข้าใต้ผิวหนัง แล้วให้กินยาเม็ดวาร์ฟาริน (warfarin) ต่อ ซึ่งอาจต้องกินนาน 3-6 เดือน ยานี้ทำให้เลือดออกได้ง่าย จำเป็นต้องตรวจเลือดดู clotting time แล้วปรับขนาดยาให้เหมาะสม

การรักษาอื่น ๆ ได้แก่ การพันด้วยผ้าพันแผลชนิดยืด หรือการสวมใส่ถุงน่องชนิดยืด (elastic stocking) เพื่อแก้ไขอาการบวมและป้องกันภาวะแทรกซ้อน

ในรายที่มีลิ่มเลือดขนาดใหญ่ อาจต้องฉีดยาละลายลิ่มเลือด (เช่น streptokinase หรือ tPA) เข้าทางหลอดเลือดดำ หรือทำการผ่าตัดเอาลิ่มเลือดออก

กรณีที่ไม่สามารถใช้สารกันเลือดเป็นลิ่ม แพทย์อาจสอดใส่ "ตัวกรอง (filter)" ไว้ในท่อเลือดดำส่วนล่าง (inferior vena cava) เพื่อป้องกันไม่ให้ลิ่มเลือดหลุดลอยเข้าปอด

ผลการรักษา ส่วนใหญ่มักหายเป็นปกติและไม่เกิดภาวะแทรกซ้อน บางรายอาจมีอาการกำเริบซ้ำได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นที่แขน

การใส่ตัวกรองป้องกันสิ่งหลุดเข้าหัวใจกระจายไปที่ปอด

การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการปวดหน่วง ๆ ตึง ๆ หรือเจ็บบริเวณขาหรือแขนข้างหนึ่ง หรือมีอาการบวมที่ข้อเท้า เท้า ต้นขา หรือแขนข้างหนึ่ง ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

เมื่อตรวจพบว่าเป็นภาวะหลอดเลือดดำมีลิ่มเลือด ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    ดูแลรักษา กินยา ปฏิบัติตัว และติดตามการรักษาตามที่แพทย์แนะนำ
    ควรระมัดระวังการเกิดอุบัติเหตุหรือบาดแผล
    หลีกเลี่ยงการซื้อยากินเอง เพราะอาจมีผลทำให้เกิดปฏิกิริยากับยาที่แพทย์ใช้รักษาอยู่

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีเลือดออก หรือมีจ้ำเขียวหรือรอยห้อเลือดที่ผิวหนัง
    มีอาการเจ็บหน้าอก หายใจลำบาก ไอเป็นเลือด ใจหวิวใจสั่น หรือลุกนั่งมีอาการหน้ามืดจะเป็นลม
    ขาดยาหรือยาหาย
    มีอาการที่สงสัยว่าเป็นผลข้างเคียงจากยาหรือแพ้ยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

1.  ถ้าน้ำหนักเกินหรืออ้วน ควรลดน้ำหนัก

2.  ไม่สุบบุหรี่ และหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์จัด

3.  หมั่นออกกำลังกาย

4.  หลีกเลี่ยงการนั่งอยู่กับที่นาน ๆ ควรลุกขึ้นเดินทุก ๆ ชั่วโมง และหลีกเลี่ยงการนั่งไขว่ห้าง

5.  ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 1.5 ลิตร (ประมาณ 6-8 แก้ว) อย่าให้ร่างกายขาดน้ำ

6.  หมั่นตรวจเช็กสุขภาพ และถ้ามีโรคประจำตัว (เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ มะเร็ง) ควรดูแลรักษาอย่างจริงจัง

7.  สำหรับผู้ที่นั่งรถหรือเครื่องบิน ควรป้องกันไม่ให้เกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ โดยการปฏิบัติดังนี้

    ถ้านั่งเครื่องบินหรือรถไฟ ควรลุกขึ้นเดินในห้องโดยสารทุก ๆ ชั่วโมง ถ้านั่งรถ ทุก ๆ ชั่วโมงควรหยุดรถ และเดินไปมารอบรถสักครู่
    ขณะนั่งอยู่กับที่ หมั่นบริหารขาโดยการงอ-เหยียดข้อเท้าขึ้นลงเป็นครั้งคราว คราวละ 10 ครั้ง และควรบริหารขาให้บ่อยขึ้นในกรณีที่ไม่สามารถลุกขึ้นเดินในห้องผู้โดยสารหรือหยุดรถที่ขับได้ทุกชั่วโมง
    หลีกเลี่ยงการใส่เสื้อผ้าหรือเข็มขัดรัดเอว
    ดื่มน้ำมาก ๆ  และหลีกเลี่ยงการดื่มชา กาแฟและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์  เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะขาดน้ำ

8. ที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยอัมพาต คนอ้วน ผู้หญิงที่กินยาเม็ดคุมกำเนิดหรือฮอร์โมนทดแทน ควรมีการออกกำลังกาย หรือเคลื่อนไหวร่างกาย (เช่น เดิน) อยู่บ่อย ๆ ดื่มน้ำมาก ๆ (อย่าให้ร่างกายมีภาวะขาดน้ำ) หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ หมั่นบริหารขาโดยการงอ-เหยียดข้อเท้าขึ้นลง

9.  สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น เคยมีภาวะหลอดเลือดดำมีลิ่มเลือดมาก่อน มีภาวะเลือดจับเป็นลิ่มง่าย ผู้ที่ต้องรับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพก ผู้ป่วยโรคหัวใจหรืออัมพาต เป็นต้น ถ้าจำเป็นต้องรับการผ่าตัดหรือเข้าพักรักษาตัว (นอนบนเตียง) ในโรงพยาบาลนาน ๆ ให้ปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์อย่างจริงจัง ในบางกรณีแพทย์อาจพิจารณาให้สารกันเลือดจับเป็นลิ่มป้องกัน

ข้อแนะนำ

1. ผู้ป่วยที่รับสารกันเลือดเป็นลิ่ม อาจมีเลือดออกได้ง่าย ควรระมัดระวังการเกิดอุบัติเหตุหรือบาดแผล และถ้ามีอาการเลือดออก (เช่น จ้ำเขียวหรือรอยห้อเลือดตามผิวหนัง เลือดกำเดาไหลมาก ไอ อาเจียน หรือถ่ายปัสสาวะ/อุจจาระเป็นเลือด ถ่ายอุจจาระดำ) ควรรีบไปโรงพยาบาล

2. อาการแขนหรือขาบวมข้างหนึ่ง อาจเกิดจากสาเหตุอื่น ที่สำคัญคือ ทางเดินน้ำเหลืองอุดกั้น ซึ่งอาจเกิดจากมะเร็ง ภาวะแทรกซ้อนจากการฉายรังสี การติดเชื้อ (เช่น โรคเท้าช้าง) สาเหตุเหล่านี้มักไม่มีอาการเจ็บปวด อย่างไรก็ตาม เมื่อพบอาการแขนหรือขาบวมข้างหนึ่งก็ควรจะปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ และให้การรักษาตามสาเหตุที่พบ

3. โดยปกติ ลิ่มเลือดที่อยู่ในหลอดเลือดดำไม่สามารถหลุดลอยไปอุดตันในหลอดเลือดสมอง (จะเกิดขึ้นได้ต้องเป็นลิ่มเลือดที่อยู่ในหลอดเลือดแดง) อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าในรายที่มีผนังหัวใจรั่วโดยกำเนิด (patent foramen ovale) อยู่ก่อน ลิ่มเลือดอาจหลุดเข้าไปในระบบหลอดเลือดแดง ลอยไปอุดตันหลอดเลือดสมอง ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมอง (stroke) ได้ ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้น้อยสำหรับภาวะหลอดเลือดดำส่วนลึกมีลิ่มเลือด

13
ปล่อยรถราคาพิเศษ Volvo S90 Ultimate Bright MY 24 ฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 3  ปี

วอลโว่ Volvo S90 Recharge Ultimate T8 Plug-in Hybrid Bright ปี 2023
Volvo S90 Recharge Ultimate T8 Plug-in Hybrid Bright ผสานการทำงานของเครื่องยนต์ Drive E เบนซิน 2 ลิตร 4 สูบ พร้อมเทอร์โบชาร์จ และมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 317 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที  แรงบิด 400 นิวตันเมตร ที่ความเร็วรอบ 3,000-5,400 ต่อนาที พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 143 แรงม้า แรงบิดสูงสุดจากมอเตอร์ไฟฟ้าที่ 309 นิวตันเมตร และเมื่อรวมกับกำลังเครื่องยนต์เบนซินกับมอเตอร์ไฟฟ้า จึงได้เครื่องยนต์ที่มีพละกำลังแรงถึง 460 แรงม้า

หมายเหตุ : รายละเอียดของรถยนตอ์าจมีการเปลี่ยนแปลงภายหลัง

รถผู้บริหาร รถทดลองขับ ไมล์น้อย ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

โปรโมชั่นพิเศษ
ตั้งแต่ 29 ต.ค. - 31 ธ.ค. 2567
พิเศษสำหรับลูกค้า Checkraka รับส่วนลดเพิ่ม 5,000 บาท
ประกันภัยชั้น 1 นาน 3  ปี + VPSP Pro + กล้อง DVR + MW

ราคาพิเศษ 2,790,000 บาท

สนใจสอบถา มรายละเอียดกดลิ้ง https://www.checkraka.com/flashdeal/car

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์              Volvo
   รุ่น                  วอลโว่ Volvo S90 Recharge Ultimate T8 Plug-in Hybrid Bright ปี 2023
   ประเภทรถ         รถเก๋ง 4 ประตู, รถไฮบริด
   ปีที่เปิดตัว         2023


14
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
เรา
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”

สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


15
ซ่อมบำรุงอาคาร: เคล็ดลับดูแลแอร์ช่วงหน้าร้อน
 
ในช่วงหน้าร้อน เป็นช่วงที่หลายคนมักนิยมเปิดใช้งานเครื่องปรับอากาศกันแทบตลอดทั้งวัน เพราะสภาพอากาศที่ร้อนจัดนั้น ย่อมทำให้รู้สึกไม่สบายตัว ทำให้เรารู้สึกเย็นสบาย หลายๆบ้านคงจะมีเครื่องปรับอากาศ เพื่ออำนวยความสะดวก คลายร้อนในช่วงที่ประเทศไทยของเรา ร้อนอบอ้าว

ซึ่งอากาศที่ร้อนมากเป็นพิเศษจะทำให้เรารู้สึกหงุดหงิดได้ ดังนั้น แอร์จึงมีความจำเป็นอย่างมาก สำหรับใครๆหลายๆคน แต่การดูแลแอร์ในบ้านของเรานั้น ก็เป็นสิ่งที่จำเป็น ยิ่งถ้าหากเราใช้งานทุกวัน ก็จะทำให้แอร์ทำงานหนัก และสกปรกได้ง่าย จึงจำเป็นที่จะต้องบำรุงรักษาให้เราสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่พังก่อนเวลาอันควร

นอกจากจะช่วยในเรื่องของการบำรุงรักษาแอร์แล้ว การทำความสะอาดแอร์ตามเวลากำหนดนั้น ยังสามารถช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้มากขึ้น ช่วยให้เครื่องทำงานได้ยาวนาน แต่ยังคงความเย็นสบายได้แบบเท่าเดิม วันนี้เราจะมาพูดถึงเคล็ดลับดูแลแอร์ในช่วงหน้าร้อนว่า ต้องดูแลรักษาอย่างไร เพราะเชื่อว่า ในช่วงหน้าร้อนแอร์เป็นสิ่งที่จำเป็นและหลายคนก็เปิดแทบทุกวัน เพราะฉะนั้น การดูแลรักษาแอร์จึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม
 
การดูแลแอร์อย่างสม่ำเสมอ สามารถทำได้ทั้งแบบที่ทำเองได้และต้องทำโดยช่างผู้ชำนาญ เพื่อให้แอร์สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น ช่วยทำให้แอร์สะอาด เพื่อสุขภาพที่ดีของคนในบ้าน สำหรับวิธีการดูแลรักษาแอร์ในช่วงหน้าร้อน ก็ง่ายๆเพียงแค่เราหมั่นทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศหรือฟิลเตอร์อยู่เสมอ

อย่างน้อยทุกอาทิตย์ ซึ่งทำได้โดยเปิดหน้ากากแอร์ขึ้นมา แล้วดึงแผ่นกรองอากาศออกมาล้างทำความสะอาดด้วยน้ำเปล่า ตากให้แห้ง แล้วใส่กลับไปตามเดิม ยิ่งในช่วงนั้น เราใช้งานแอร์บ่อยๆ ก็ควรจะสังเกตแผ่นกรองบ่อยๆด้วย ที่สำคัญนอกจที่เราจะสามารถถอดแผ่นกรองออกมาล้างด้วยตนเองแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่า เราไม่จำเป็นต้องจ้างช่างมาล้างแอร์

เพราะการล้างแอร์โดยช่างผู้ชำนาญ ควรล้างแอร์อย่างน้อย 6 เดือน/ 1 ครั้ง หรือทุก ๆ 3 ถึง 6 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและการใช้งาน เพื่อให้ช่างได้ทำการล้างทำความสะอาดแอร์โดยละเอียด จะได้ดูเรื่องของน้ำยาแอร์หรือระบบต่างๆด้วย เพราะการตรวจเช็คภาพแอร์

ซึ่งเป็นการตรวจเช็คระบบทั่วไป และจะทำพร้อมกับการล้างแอร์โดยช่างผู้ชำนาญ เช่น การตรวจวัดความดันน้ำยาในระบบ, ตรวจระบบไฟฟ้า รวมไปถึงยอดน้ำมันมอเตอร์พัดลม และ  ตรวจสอบและซ่อมแซมฉนวนหุ้มท่อน้ำยาแอร์ เพื่อที่จะได้ใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยไม่เกิดปัญหาในอนาคต
นอกจากนี้ ในส่วนของการใช้งาน เราก็ควรตั้งอุณหภูมิให้เหมาะสม โดยการตั้งอุณหภูมิที่ 25 องศา จะทำให้ช่วยประหยัดไฟได้จริง และยืดอายุการใช้งานของแอร์ได้ยาวนานขึ้น และที่สำคัญ

ลดความร้อนในห้องก่อนเปิดแอร์ และลดความร้อนที่จะเข้าห้อง เช่น การเปิดพัดลมระบายความร้อนออกไปก่อน, ทาสีผนังสะท้อนความร้อน หรือ ติดม่านสะท้อน UV แต่อย่างไรก็ตาม แสงจากหลอดไฟในตอนกลางวันก็มีส่วนทำให้อุณหภูมิภายในบ้านสูงขึ้นได้ และยังทำให้เครื่องปรับอากาศต้องทำงานหนักขึ้น
ดังนั้น แนะนำให้ปิดไฟดวงที่ไม่จำเป็น แล้วเปิดผ้าม่านรับแสงสว่างจากธรรมชาติเข้ามาทดแทน เพียงเท่านี้ก็จะทำให้บ้านสว่างขึ้น โดยที่อากาศร้อนน้อยลงได้แล้ว นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการนำความชื้นเข้ามาในห้อง เพราะแอร์จะใช้พลังงานในการทำความเย็นอยู่ที่ 30% ส่วนอีก 70% เป็นพลังงานที่ใช้จำกัดความชื้น

จึงช่วยให้สภาพอากาศภายในห้องแห้งนั่นเอง ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงการนำสิ่งของที่ก่อให้เกิดความชื้นเข้ามาในห้อง เช่น ต้นไม้หรือการตากผ้า เป็นต้น เพราะจะยิ่งทำให้แอร์ทำงานหนัก
 
อย่างไรก็ตาม ทางเราก็มีบริการซ่อมบำรุง มีบริการการดูแลภายในอาคารและพื้นที่โดยรอบจำเป็นต้องตรวจตราและหมั่นดูแล อย่างสม่ำเสมอตลอดการบริการ การที่องค์กรใช้บริษัทที่หลากหลายเข้า มาดูแลบริการด้านต่าง ๆนั้น
อาจทำให้องค์กรสิ้นเปลืองงบประมาณเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในเรื่องของการดูแลระบบปรับอากาศและหมุนเวียนอากาศภายในอาคาร ระบบปรับอากาศและหมุนเวียนอากาศเป็นสิ่งจำเป็นมาก เพราะผู้คนส่วนใหญ่ในปัจจุบันมักจะ ใช้ชีวิตในภายในอาคาร

และถ้าภายในอาคารนั้นมีผู้ป่วยอยู่ด้วยก็ยิ่งเป็นการสะสมของฝุ่นจนทำให้เกิดเป็นเชื้อรา และส่งผลต่อสุขภาพและเกิดโรคต่างๆได้ นอกจากนี้ ยังมีงานบำรุงรักษาอาคารซ่อมบำรุงอาคาร อาทิ เช่น ระบบเครื่องปรับอากาศ พื้นอาคาร เพดาน หน้าต่าง และอื่นๆ ระบบไฟฟ้า เช่น การเดินสายไฟ  ระบบการสื่อสาร เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสถานที่

หน้า: [1] 2 3 ... 45