แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 52
1
ซ่อมบำรุงอาคาร: การวางท่อระบายน้ำในบ้านที่ถูกวิธี ต้องคำนึงถึงสิ่งใด

เวลาเราจะเลือกซื้อบ้านหรือคอนโด สิ่งที่เราจะต้องนึกถึงคือระบบการจัดการทรัพยากรที่ดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของระบบการจัดการน้ำ ระบบสุขาภิบาล หรือระบบเตือนภัยต่างๆ เพราะมันมีความสำคัญต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเรา เพราะในแต่ละวันเราจะต้องมีการใช้น้ำ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีความสำคัญไม่น้อย ดังนั้น สถานที่ที่เราพักอาศัยจึงจำเป็นต้องมีการบริหารจัดการน้ำเหล่านั้น ซึ่งการจัดการน้ำนั้น เรียกว่าระบบสุขาภิบาล โดยการวางแผนจัดการระบบท่อสุขาภิบาล จำเป็นต้องมีวิศวกรออกแบบ กำหนดตำแหน่งอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้เหมาะสม

เพื่อให้ได้รับประโยชน์ในการใช้งานและง่ายต่อการบำรุงรักษาเมื่อเกิดปัญหารั่วซึม ส่วนใหญ่แล้วการรั่วซึมที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่มากจากท่อระบายน้ำ ที่อาจจะมีปัญหาทำให้เกิดการรั่วซึม ยิ่งถ้าหากเกิดขึ้นในคอนโดที่มีผู้พักอาศัยเป็นจำนวนมาก อาจสร้างความเดือดร้อนให้กับเจ้าของร่วมได้ หรือถ้าหากใครที่มีบ้าน การวางท่อระบายน้ำก็มีความสำคัญ แม้ว่าจะไม่ได้ส่งผลต่อผู้อื่นเท่าไหร่นัก แต่ก็สร้างปัญหาให้กับผู้อยู่อาศัยไม่มากก็น้อย และยังส่งผลเสียต่อโครงสร้างบ้านของเรา ทำให้เกิดปัญหาอื่นๆตามมาอีกมากมาย ดังนั้น วันนี้เราจะมาพูดถึงหลักการวางท่อระบายน้ำที่ดี ว่าเราจะต้องคำนึงถึงสิ่งใดบ้าง เพื่อเป็นแนวทางให้ใครหลายๆคนที่ติดจะสร้างบ้าน เพื่อช่วยลดปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในระยะยาวได้ และอาจจะต้องมนั่งเสียเวลาซ่อมบ้าน เสียเงินไม่รู้จบ

ต้องบอกเลยว่า ปัญหาน้ำรั่วซึมภายในบ้าน นอกจากเป็นผลพวงที่เกิดขึ้นเพราะโครงสร้างบ้านไม่ได้มาตรฐาน หรือเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ที่ไม่เหมาะสมแล้ว อีกหนึ่งสาเหตุที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหาน้ำรั่วซึมก็คือ การวางระบบท่อน้ำภายในบ้านที่ไม่ถูกวิธี เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาน้ำรั่วซึมภายในบ้าน อันดับแรกเราควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการติดตั้งระบบท่อประปาที่ได้มาตรฐาน รวมถึงศึกษาข้อมูลเบื้องตันเกี่ยวกับชนิดของท่อประปา รวมถึงมีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับการใช้งานเพื่อป้องกันไม่ให้การเปิดปัญหาน้ำรั่วซึม โดยเราจะต้องคำนึงถึงการเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพ ควรเลือกซื้อท่อระบายที่วัสดุมีคุณภาพ และตรงตามมาตรฐานที่กำหนด อีกทั้งเป็นท่อใหม่ ไม่มีรอยแตก หรือสีหมอง ที่สำคัญด้านบนท่อควรมีการประทับข้อความระบุยี่ห้อเป็นระยะๆ หรือมีชื่อของบริษัทที่ผลิต มีตัวเลขบอกถึงความหนาของตัวท่อ รวมถึงบอกขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง และมีเครื่องหมายการรองรับมาตรฐานอุตสาหกรรม

นอกจากนี้ ควรเลือกใช้ท่อให้เหมาะสมกับการใช้งาน เช่น ท่อน้ำดี และท่อน้ำทิ้ง สามารถใช้ท่อ PVC แบบปกติได้ เนื่องจากเป็นมีอุณหภูมิน้ำปกติ แต่หากเป็นท่อน้ำร้อนให้เลือกใช้ท่อทองแดง หากต้องการให้สามารถใช้ทางทั้งน้ำเย็น และน้ำร้อน แนะนำให้เลือกใช้ท่อที่ต้องรับแรงดันมาก ต้องใช้ท่อเหล็กที่มีความแข็งแรงทนทาน ส่วนท่อน้ำร้อนที่เชื่อมต่อระหว่างตัวเครื่องทำน้ำร้อนกับวาล์วควบคุมการเปิด-ปิดน้ำร้อน ที่อยู่บริเวณด้านล่างอ่างอาบน้ำแนะนำใช้ท่อเหล็ก หลีกเลี่ยงการใช้ท่อ PVC เพราะความร้อนอาจทำให้ท่อ PVC ละลายได้ และควรเลือกใช้ขนาดท่อให้เหมาะสมด้วย อย่างไรก็ตาม

เราควรจะศึกษารายละเอียด และต้องหาช่างที่มีความเชี่ยวชาญ มีความน่าเชื่อถือ เข้ามาสร้างบ้านให้กับเรา เพื่อที่เราจะได้บ้านที่มาตรฐาน และไม่ต้องมากังวลว่าจะเกิดปัญหาขึ้นในภายหลัง เพราะแน่นอนว่า เวลาที่เราสร้างบ้านใหม่นั้น คงไม่อยากมีใครเจอปัญหาจุกจิก เพราะเมื่อเราเสียเงินในการสร้างบ้านแล้ว คงไม่อยากที่จะต้องเสียเวลาหาเงินมาซ่อมบ้านในภายหลัง

หากมีข้อสงสัยหรืออยากปรึกษาเกี่ยวกับระบบน้ำภายในบ้าน หรืออยากปรึกษาเรื่องของการบำรุงรักษาระบบน้ำภายในบ้าน สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านการออกแบบและติดตั้ง ระบบปั๊ม ระบบสุขาภิบาล ภายในบ้านเรือนหรืออาคาร เรามีทีมช่างเฉพาะทางที่พร้อมจะเข้าไปดูแล ในส่วนของการจัดการระบบน้ำประปาและระบบสุขาภิบาลได้อย่างมีคุณภาพ เพื่อให้ลูกค้าได้รับการบริการและแก้ไขปัญหา รวมไปถึงการบำรุงรักษาที่ได้มาตรฐาน เพื่อให้สามารถใช้น้ำได้อย่างปลอดภัย ไร้กังวล และดีต่อสุขอนามัย ช่วยให้มีสิ่งแวดล้อมที่ดีและคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้พักอาศัย

2
3 เหตุผล ทำไมโรงงานติดฉนวนกันความร้อนแล้วไม่ได้ผล

ปัญหาความร้อนสะสมภายในโรงงานเป็นปัญหาใหญ่ที่ควรเร่งแก้ไข เพราะส่งผลกระทบหลายส่วน ทั้งทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น สิ้นเปลืองพลังงาน และทำให้พนักงานเสี่ยงอุบัติเหตุทำงานผิดพลาด

แต่อย่างไรก็ตาม แม้จะรีบติดตั้งฉนวนกันความร้อนโรงงานเท่าไร ก็ต้องวางแผนออกแบบติดตั้งโดยผู้เชี่ยวชาญอย่างรอบคอบด้วย เพราะมีหลาย ๆ โรงงานเลยที่แม้จะติดตั้งฉนวนกันความร้อนไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้ผล ยังคงประสบปัญหาความร้อนสะสมมากอยู่ ซึ่งเหตุผลหลัก ๆ 3 ประการที่ทำให้โรงงานติดฉนวนกันความร้อนแล้วล้มเหลว มีดังต่อไปนี้

1.ติดฉนวนกันความร้อนไม่ครบทุกจุดจำเป็น

ถือเป็นปัญหาอันดับแรกสุดเลยที่ทำให้ทุกเคสของการติดฉนวนกันความร้อนโรงงานเสี่ยงล้มเหลวได้ เพราะเราต้องเข้าใจก่อนว่า ความร้อนสะสมภายในโรงงานที่เป็นปัญหานั้น เกิดได้จากหลาย ๆ ปัจจัยและหลาย ๆ ตำแหน่ง เช่น ความร้อนจะดวงอาทิตย์ภายนอกทะลุผ่านเข้ามาในโรงงาน ซึ่งก็ไม่ได้มาได้แค่ทางผนังโรงงานเท่านั้น แต่ยังมาทางหลังคาโรงงานได้ด้วย

ดังนั้น หากติดฉนวนกันความร้อนแค่ที่ผนัง ก็จะลดความร้อนสะสมได้ไม่ดีพอ เพราะความร้อนยังผ่านเข้ามาจากทางหลังคาได้ นอกจากนั้นแล้ว ความร้อนที่สะสมภายในโรงงานก็ยังเกิดได้จาก ห้องเครื่องจักร ระบบท่อปรับอากาศ ท่อลำเลียงน้ำร้อนน้ำเย็น ซึ่งในทุกจุดเหล่านี้ หากไม่ได้รับการวางแผนติดฉนวนกันความร้อน ก็จะทำให้มีความร้อนสะสมภายในโรงงานมากขึ้น

2.ฉนวนกันความร้อนไม่มีคุณภาพ

ฉนวนกันความร้อนมีหลายเกรด หลายแบรนด์ แต่ละแบรนด์มีความแตกต่างกัน ซึ่งหลักสำคัญของฉนวนกันความร้อนคือ วัสดุ เพราะวัสดุที่นำมาใช้ทำเป็นฉนวนกันความร้อนถ้าไม่เหมือนกัน ก็จะมีความสามารถในการกันความร้อนได้ไม่เท่ากัน รวมถึงเรื่องความหนาของฉนวนก็มีส่วนด้วย โดยฉนวนกันความร้อนยิ่งหนามากเท่าไร ก็ยิ่งมีความสามารถในการกันความร้อนได้ดีมากเท่านั้น แต่ก็ต้องขึ้นกับความเหมาะสมในการใช้งานกับพื้นที่ด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ ฉนวนกันความร้อน คือหนึ่งในฉนวนคุณภาพดี ที่ได้รับความไว้วางใจจากโรงงานทั่วประเทศ เนื่องจากผลิตจากฉนวนใยแก้ว ที่มีความสามารถในการกันความร้อนสูง และยังปลอดภัย เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และสุขภาพของผู้คนที่ปฏิบัติหน้าที่ในโรงงานและชุมชนในบริเวณใกล้เคียง

3.ช่างติดตั้งฉนวนกันความร้อนทำผิดพลาด

อีกหนึ่งปัญหาคลาสสิคที่หลายคนคิดว่าไม่เกี่ยว แต่จริง ๆ เกี่ยวมาก ๆ เลยคือ การพยายามประหยัดงบประมาณการติดตั้งฉนวนกันความร้อนด้วยการจ้างช่างที่ไหนก็ได้มาติด เพราะค่าแรงถูกกว่าการว่าจ้างช่างผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ แต่ผลลัพธ์จากการติดตั้งโดยช่างทั่วไป ก็จะต้องลุ้นว่าจะมีปัญหาตามมาหรือไม่ เพราะในการติดตั้งฉนวนกันความร้อนนั้น หากช่างติดตั้งไม่ชำนาญไม่ระวัง ทำให้เกิดความเสียหายขึ้นกับฉนวนแล้ว ฉนวนกันความร้อนจะเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็ว ทำให้อายุการใช้งานไม่ยาวนาน คุณสมบัติในการกันความร้อนก็ถูกทำให้ถดถอยลง

ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว ก็จะไม่ทราบสาเหตุว่าเป็นเพราะช่างติดตั้งผิดพลาด จึงทำให้คิดว่าการติดตั้งฉนวนกันความร้อนไม่ได้ผล แต่ทั้งนี้ หากปรึกษาวางแผนออกแบบติดตั้งโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ ถ้ามีปัญหาผิดพลาด ก็จะมีบริการแก้ไขปัญหาให้ทำให้มั่นใจได้ว่าที่ลงทุนติดตั้งฉนวนกันความร้อนไปจะได้ผลลัพธ์มีประสิทธิภาพตามเป้าหมายที่วางไว้

แม้งบประมาณในการลงทุนติตดตั้งฉนวนกันความร้อนโรงงานจะสูง แต่ถ้าติดตั้งแล้วได้ผลลัพธ์จริง ก็ถือว่าคุ้มค่า เพราะอายุการใช้งานฉนวนกันความร้อนคุณภาพนั้นสามารถกันความร้อนได้ดีเป็นสิบ ๆ ปี ดังนั้น ในการพิจารณาวางแผนติดตั้งฉนวนกันความร้อน จึงไม่ควรรีบร้อน แต่ควรขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางโดยตรง เพื่อให้ประสบความสำเร็จได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจากการลงทุน

3
การศึกษาข้อมูลการตลาดออนไลน์ เพื่อเริ่มต้นอาชีพเสริมควรเริ่มจากอะไร

การศึกษาข้อมูลการตลาดออนไลน์ก่อนเริ่มต้นอาชีพเสริมเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณเข้าใจตลาด กลุ่มเป้าหมาย และคู่แข่ง เพื่อวางแผนธุรกิจและกลยุทธ์การตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต่อไปนี้คือขั้นตอนและสิ่งที่ควรพิจารณาในการศึกษาข้อมูลการตลาดออนไลน์:

1. กำหนดเป้าหมายและขอบเขต:

กำหนดเป้าหมาย:
คุณต้องการทราบข้อมูลอะไรบ้าง? เช่น ขนาดตลาด กลุ่มเป้าหมาย พฤติกรรมผู้บริโภค หรือคู่แข่ง
กำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน เพื่อให้การศึกษาข้อมูลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

กำหนดขอบเขต:
กำหนดขอบเขตของตลาดที่คุณสนใจ เช่น ตลาดในประเทศ หรือตลาดต่างประเทศ
กำหนดขอบเขตของสินค้าหรือบริการที่คุณต้องการนำเสนอ

2. ศึกษาข้อมูลตลาด:

ขนาดและความต้องการของตลาด:
ศึกษาขนาดของตลาด และความต้องการสินค้าหรือบริการของคุณ
ใช้เครื่องมือออนไลน์ เช่น Google Trends หรือ Keyword Planner เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มของตลาด

กลุ่มเป้าหมาย:
ระบุกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของคุณ เช่น อายุ เพศ อาชีพ ความสนใจ และพฤติกรรม
ใช้ Social Listening Tools เพื่อติดตามการสนทนาและความคิดเห็นของกลุ่มเป้าหมายบนโซเชียลมีเดีย

คู่แข่ง:
วิเคราะห์คู่แข่งของคุณ เช่น จุดแข็ง จุดอ่อน กลยุทธ์การตลาด และส่วนแบ่งการตลาด
ติดตามกิจกรรมของคู่แข่งบนโซเชียลมีเดีย และเว็บไซต์

3. ศึกษาข้อมูลช่องทางออนไลน์:

แพลตฟอร์มออนไลน์ที่เหมาะสม:
ศึกษาว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ใดเป็นหลัก เช่น Facebook, Instagram, YouTube หรือเว็บไซต์
เลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมกับสินค้าหรือบริการของคุณ และกลุ่มเป้าหมายของคุณ

การวิเคราะห์ SEO:
หากคุณมีเว็บไซต์หรือบล็อก ตรวจสอบว่าเว็บไซต์ของคุณมีประสิทธิภาพในการค้นหาหรือไม่
ใช้เครื่องมือ SEO เช่น Google Search Console หรือ Ahrefs เพื่อวิเคราะห์คำค้นหาและคู่แข่ง

การวิเคราะห์โซเชียลมีเดีย:
ตรวจสอบว่าคู่แข่งของคุณใช้โซเชียลมีเดียอย่างไร
วิเคราะห์เนื้อหาที่คู่แข่งโพสต์ และการตอบสนองจากผู้ติดตาม

4. เครื่องมือและแหล่งข้อมูล:

Google Trends: ตรวจสอบแนวโน้มความนิยมของคำค้นหา
Google Analytics: วิเคราะห์ข้อมูลผู้เข้าชมเว็บไซต์ของคุณ
Social Listening Tools: ติดตามการสนทนาและความคิดเห็นเกี่ยวกับแบรนด์หรือสินค้าของคุณบนโซเชียลมีเดีย
แบบสำรวจออนไลน์: สร้างแบบสำรวจเพื่อสอบถามความคิดเห็นและความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย
เว็บไซต์และบล็อก: ติดตามเว็บไซต์และบล็อกที่เกี่ยวข้องกับการตลาดออนไลน์

5. นำข้อมูลมาวิเคราะห์และวางแผน:

SWOT Analysis: วิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรคของธุรกิจของคุณ
กำหนดกลยุทธ์การตลาด: วางแผนว่าจะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างไร? จะสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งอย่างไร? และจะสร้างรายได้อย่างไร?
ทดสอบและปรับปรุง: เริ่มต้นธุรกิจของคุณด้วยการทดสอบตลาด และปรับปรุงกลยุทธ์ของคุณตามผลลัพธ์ที่ได้รับ

เคล็ดลับเพิ่มเติม:

ติดตามข่าวสารและเทรนด์: ติดตามข่าวสารและเทรนด์ในอุตสาหกรรมของคุณอย่างสม่ำเสมอ
เข้าร่วมกลุ่มออนไลน์: เข้าร่วมกลุ่มออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์
เรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญ: อ่านหนังสือ บทความ หรือเข้าร่วมสัมมนาออนไลน์เกี่ยวกับการตลาดออนไลน์
การศึกษาข้อมูลการตลาดออนไลน์อย่างละเอียดจะช่วยให้คุณลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในการเริ่มต้นอาชีพเสริม

4
ตรวจโรคพยาธิเส้นด้าย (Enterobiasis)

โรคพยาธิเส้นด้ายเป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อพยาธิเส้นด้าย (thread worm)* ซึ่งอาศัยอยู่ในลำไส้ใหญ่ของคน

โรคนี้มักเป็น ๆ หาย ๆ บ่อย เพราะมีโอกาสติดจากกันได้ง่าย แต่เมื่อเด็กโตขึ้น รู้จักรักษาความสะอาดและมีสุขนิสัยดีขึ้น การติดโรคนี้ก็จะค่อย ๆ ลดน้อยลง ดังนั้นโรคนี้จึงมักพบในเด็กมากกว่าผู้ใหญ่

โรคนี้ไม่ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน หรือเกิดโทษร้ายแรงแต่อย่างใด

*วงจรชีวิตของพยาธิเส้นด้าย

พยาธิเส้นด้าย (thread worm) หรือบางรายเรียกว่าพยาธิเข็มหมุด (pin worm) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า เอนเทอโรเบียสเวอร์มิคูลาริส (Enterobius vermicularis) เป็นพยาธิตัวกลมชนิดหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายเส้นด้าย ตัวเมียขนาดยาวประมาณ 1 ซม. ตัวผู้ประมาณ 0.3 ซม. พยาธิตัวเต็มวัย (ตัวแก่) อาศัยอยู่ในลำไส้ใหญ่ของคน พยาธิตัวเมียที่ถูกผสมแล้ว จะเคลื่อนตัวออกมาวางไข่ที่ก้นของผู้ป่วยในเวลากลางคืน จึงทำให้ผู้ป่วยรู้สึกคันก้นมาก (บางครั้งอาจออกมาวางไข่ที่ปากช่องคลอดของเด็กผู้หญิง ทำให้มีอาการคันช่องคลอดได้) ไข่พยาธิจะฟักเป็นตัวอ่อนภายใน 6 ชั่วโมง ตัวอ่อนบางตัวอาจเคลื่อนย้อนกลับเข้าไปเจริญเป็นตัวแก่ในลำไส้

เมื่อผู้ป่วยเกาก้น ไข่พยาธิจะติดที่ซอกเล็บหรือปลายนิ้ว เมื่อผู้ป่วยกินอาหารโดยใช้มือจับอาหาร หรือเด็กที่ชอบกัดเล็บหรือดูดนิ้วเล่น ก็จะกลืนเอาไข่พยาธิลงไปด้วย ไข่จะฟักออกเป็นตัวอ่อนและเจริญเป็นตัวแก่ในลำไส้

สาเหตุ

การติดต่อของโรคนี้ มักเป็นการติดจากตัวของผู้ป่วยเอง โดยการกลืนไข่หรือตัวอ่อนที่เปื้อนมือตัวเองดังกล่าว เช่น การอมมือหรือกัดเล็บของตัวเองเล่น หรือกินข้าวด้วยมือ

ส่วนผู้อื่นอาจติดโรคนี้ได้โดยการสัมผัสถูกมือของผู้ที่มีพยาธิอยู่ก่อน แล้วกลืนเอาไข่หรือตัวอ่อนจากมือที่เปื้อนอีกทอดหนึ่ง

บางครั้งไข่หรือพยาธิ อาจเปื้อนอยู่ตามเก้าอี้นั่ง ที่นอน เสื้อผ้า ฝุ่นละออง ซึ่งอาจเปื้อนต่อไปที่มือ อาหาร น้ำดื่ม เมื่อคนเรากลืนเอาไข่พยาธิจากสิ่งเหล่านี้เข้าไปก็กลายเป็นโรคนี้ได้

ดังนั้น ถ้ามีคนในบ้านเป็นโรคนี้เพียงคนเดียว ในไม่ช้าก็จะแพร่กระจายไปให้คนอื่น ๆ อย่างรวดเร็ว จึงมักพบเป็นพร้อม ๆ กันหลายคนในครอบครัวหรือในโรงเรียน ถือเป็นโรคพยาธิที่พบได้บ่อยมากชนิดหนึ่ง

อาการ

มักมีอาการคันก้นมาก (เด็กผู้หญิงบางรายอาจคันที่ช่องคลอดด้วย) เฉพาะในเวลากลางคืน ผู้ป่วยมักจะต้องเกาก้นและอาจนอนไม่หลับ

บางครั้งถ้าเอาไฟฉายส่องดูที่ปากทวารหนัก อาจพบตัวพยาธิมีลักษณะคล้ายเส้นด้ายเล็ก ๆ สีขาว

ภาวะแทรกซ้อน

ส่วนใหญ่ไม่มีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง

ในผู้หญิง ตัวพยายาธิอาจเข้าไปในช่องคลอดและมดลูก ทำให้ช่องคลอดอักเสบหรือมดลูกอักเสบได้

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากการตรวจพบพยาธิเส้นด้ายที่ปากทวารหนักและการตรวจหาไข่พยาธิ โดยใช้ "สก็อตเทป" แปะที่ปากทวารหนัก แล้วปิดลงบนแผ่นกระจกใส (slide) นำไปส่องด้วยกล้องจุลทรรศน์

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ให้ยาฆ่าพยาธิ เช่น มีเบนดาโซล หรืออัลเบนดาโซล ควรกินซ้ำอีกครั้งในอีก 1 สัปดาห์ต่อมา ควรรักษาทุกคนในบ้านพร้อม ๆ กัน

2. ระหว่างการรักษา ควรนำกางเกงใน ชุดนอน และผ้าปูที่นอนไปต้มให้สะอาด

การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการคันก้น หรือคันช่องคลอดในเวลากลางคืน หรือเอาไฟฉายส่องปากทวารพบตัวพยาธิลักษณะคล้ายเส้นด้าย ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคพยาธิเส้นด้าย ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ดูแลรักษาแล้วอาการไม่ทุเลาใน 1-2 สัปดาห์
    ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

ในการป้องกันการติดโรคนี้ซ้ำ ๆ ควรปฏิบัติดังนี้

1. หมั่นตัดเล็บให้สั้น

2. ล้างมือก่อนกินอาหาร และหลังถ่ายอุจจาระทุกครั้ง

3. ซักล้างเสื้อผ้าและผ้าปูที่นอนให้สะอาด

ข้อแนะนำ

โรคนี้ไม่มีอันตราย แต่อาจเป็นเรื้อรัง ทำให้รำคาญ หรือนอนไม่พอ และจะค่อย ๆ หายได้เองเมื่อโตขึ้น

5
จัดฟันบางนา: เครื่องมือที่ถูกออกแบบมาเฉพาะบุคคล ดีอย่างไร

การจัดฟันแบบใส เป็นการรักษาทางทันตกรรมอย่างหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เพราะการจัดฟันแบบใสมีผลการรักษาที่มีความแม่นยำ ก็เพราะมีการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยในการรักษา ตั้งแต่ขั้นตอนการวางแผนการรักษาและการผลิตเครื่องมือการจัดฟัน นอกจากนี้ ในขั้นตอนการวางแผนการรักษานั้น ผู้เข้ารับการจัดฟันสามารถวางแผนร่วมกับทันตแพทย์ได้ ทำให้สามารถออกแบบรอยยิ้มและแก้ไขปัญหาฟันได้อย่างตรงจุด ต้องบอกว่าการจัดฟันแบบใส มีข้อดีที่หลายคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่า เครื่องมือการจัดฟันแบบใสสามารถถอดออกได้ง่าย และไม่ทำให้เกิดการระคายเคืองภายในช่องปาก เพราะเครื่องมือที่ถูกออกแบบมาเฉพาะบุคคลและมีความบางใส เข้ากับช่องปากได้เป็นอย่างดี ทำให้ลดการเกิดการระคายเคืองหรือบาดแผลภายในช่องปากที่อาจจะเกิดจากเครื่องมือการจัดฟันได้


ซึ่งจะแตกต่างจากการจัดฟันแบบทั่วไปที่สวมใส่เหล็กจัดฟัน อาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองมีบาดแผล บริเวณกระพุงแก้ม ลิ้น ซึ่งถือว่าเป็นปัญหาที่มักพบได้บ่อย สำหรับผู้ที่เข้ารับการจัดฟันแบบทั่วไป แต่ในทางกลับกันการจัดฟันแบบใส จะช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้เป็นอย่างดี อย่างที่กล่าวไปตั้งแต่ต้นว่าเครื่องมือการจัดฟันแบบใส ถูกออกแบบมาเฉพาะบุคคล ซึ่งในข้อนี้ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นสำคัญที่ทำให้หลายคนเลือกใช้วิธีการแก้ไขปัญหาฟันด้วยการเข้ารับการจัดฟันแบบใส

แต่สำหรับใครที่สนใจเข้ารับการจัดฟันแบบใสและอยากจะทราบข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องมือการจัดฟันว่ามีข้อดีอย่างไร อย่างที่ทราบกันว่าเครื่องมือการจัดฟันแบบใส ทันตแพทย์จัดฟัน จะทำการออกแบบมาเฉพาะบุคคล ซึ่งในข้อนี้หลายคนคงเกิดความกังวลใจและสงสัยว่าเครื่องมือการจัดฟันที่ถูกออกแบบมาเฉพาะบุคคลนั้นมีดีอย่างไร แน่นอนว่า เครื่องมือการจัดฟันที่ถูกออกแบบมาเฉพาะบุคคล มีข้อดีมากมายเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นทำให้ผู้เข้ารับการจัดฟันสวมใส่เครื่องมือการจัดฟันได้อย่างสะดวกสบาย ทำให้ไม่เกิดการระคายเคือง โดยการที่เครื่องมือการจัดฟันแบบใส มีความพอดีกับช่องปากของผู้เข้ารับการจัดฟัน ก็จะช่วยทำให้เครื่องมือการจัดฟัน สามารถทำงานในการเคลื่อนตัวของฟันให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ยังช่วยลดปัญหาเกี่ยวกับการออกเสียง การพูด เพราะผู้เข้ารับการจัดฟันส่วนใหญ่มักจะมีปัญหาเกี่ยวกับการออกเสียง ทำให้พูดไม่ชัด แต่ในขณะเดียวกันการเข้ารับการจัดฟันแบบใส จะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้อย่างแน่นอนเพราะเครื่องมือที่ถูกออกแบบมาให้พอดีกับช่องปากของผู้เข้ารับการจัดฟัน จะทำให้ผู้เข้ารับการจัดฟันรู้สึกสบายช่องปาก สามารถพูดได้ชัดเจนและไม่ทำให้เครื่องมือการจัดฟันหลวมอีกด้วย ทั้งหมดนี้ก็คือ ข้อดีของเครื่องมือการจัดฟันที่ถูกออกแบบมาเฉพาะบุคคล

อย่างไรก็ตาม หากใครสนใจเข้ารับการจัดฟันแบบใสสามารถติดต่อขอรับคำแนะนำและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการทันตกรรมอย่างครบวงจร มีประสบการณ์ด้านการจัดฟันมาอย่างยาวนาน ทั้งยังได้รับการรับรองสูงสุดจาก Invisalign ให้สามารถให้บริการทางด้านการจัดฟันแบบใสได้อย่างปลอดภัย ตามมาตรฐานสากล ด้วยการการันตีจากสถาบัน Invisalign ทำให้คลินิก ของเรามีความน่าเชื่อถือ จึงทำให้ผู้เข้ารับการจัดฟันจากทางคลินิกของเรามีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี มีฟันที่สวยงามเป็นธรรมชาติและได้รับผลการรักษาที่มีความแม่นยำ สามารถใช้งานฟันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพราะเราอยากให้ทุกคนหันมาใส่ใจในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟัน เพื่อที่จะได้มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

6
ในงานมอเตอร์โชว์ Royal Enfield Guerrilla 450 เปิดตัวครั้งแรกในไทยกับโฉมหน้าโรดสเตอร์กองโจร

เปลี่ยนโฉมหน้าของรถโรดสเตอร์และถนนไปตลอดกาล! โรยัล เอ็นฟีลด์ เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทยกับรถโรดสเตอร์สไตล์โมเดิร์นระดับพรีเมียม Royal Enfield Guerrilla 450 ภายในงาน มหกรรมยาน ยนต์ครั้งที่ 41 (Motor Expo) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน ถึง 10 ธันวาคม 2567 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ภายใต้ธีมปีนี้ Innovativ e Spirit…Futuristic Vehicles

Royal Enfield Guerrilla 450 โรดสเตอร์พันธุ์แท้ที่ทุกคนรอคอย พร้อมด้วยการจับมือกับแบรนด์อุปกรณ์สื่อสารอย่าง SENA 50S Mesh Communica tor เป็นครั้งแรกในประเทศไทย!

Royal Enfield Guerrilla 450 มอเตอร์ไซค์ที่บอกให้โลกรู้ว่าจริงๆ แล้วการขับขี่รถแบบโรดสเตอร์นั้น มีความสนุกอย่างไร! การตอบสนอ งที่เป็นธรรมชาติ และความสนุกสนานที่มาพร้อมกับกำลังเครื่องยนต์ในทุกช่วงรอบ ด้วยการออกแบบที่เน้นความดิบ และการตอบ สนองที่ฉับไว Guerrilla 450 มอบประสบก ารณ์การขับขี่ที่ดึงดูดใจในแบบที่สัมผัสได้จริง เป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่ทรงพลัง อเนกประสง ค์ และเปี่ยมด้วยความล้ำสมัย สร้างสรรค์มาเพื่อมอบความสนุกที่แท้จริงในทุกการเดินทาง!

Guerrilla 450 เป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่มีเอกลักษณะเฉพาะ คงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของการสร้างรถมอเตอร์ไซค์ของ โรยัล เอ็นฟีลด์ คำว่า guerrilla ของ โรยัล เอ็นฟีลด์นั้นสะท้อนผ่านผลงานที่มีระดับและได้รับรางวัล ซึ่งท้าทายความซ้ำซากจำเจ โดยพัฒนาเพื่อจุดประสงค์เดียว คือ การมอบควา มสนุกที่แท้จริงของการขับขี่  Guerrilla 450 ความก้าวหน้าครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์อันยาวนานของตำนานโรดสเตอร์จาก โรยัล เอ็นฟีลด์ ที่สร้างรถมอเตอร์ไซค์แบบโรดสเตอร์ที่แข็งแกร่งมา มาอย่างต่อเนื่อง

เมื่อพูดถึง Guerrilla 450 และ โรยัล เอ็นฟีลด์ในงาน Thailand Motor Expo ครั้งนี้ คุณอนุจ ดัว - หัวหน้าฝ่ายธุรกิจประจำภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก กล่าวว่า “Guerrilla 450 คือนิยามใหม่ของโรดสเตอร์สมัยใหม่ และเรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งกับผลลัพธ์ที่ได้ รถจักรยานยนต์รุ่นนี้มีเอกลักษณ์ด้านกลไก ทันสมัยอย่างยิ่ง และผสมผสา นประสิทธิภาพ ความอเนกป ระสงค์ และการควบ คุมที่สร้างความมั่นใจในการขับขี่อย่างลงตัว แม้จะพัฒนาบนแพลตฟอร์มเดียวกับ Himalayan แต่เราได้ปรับจูนสมรรถนะให้เหมาะสำหรับโรดสเตอร์ ทำให้สัมผัสได้ถึงความเร้าใจที่แตกต่างเมื่อขับขี่
เรามั่นใจว่ารถจักรยานยนต์รุ่นนี้จะดึงดูดนักขี่หลายคนที่มองหาสิ่งที่ตอบสนองได้อย่างยอดเยี่ยม มีการควบคุมที่เหนือชั้น สำหรับทุก ๆ ปี เรามุ่งมั่นที่จะนำเสนอสิ่งที่น่าตื่นเต้นให้กับผู้เยี่ยมชมงาน Motor Expo และในปีนี้ นอกจากรถจักรยานยนต์สุดพิเศษรุ่นนี้ เรายังเปิดตัวระบบสื่อสารแบบบลูธูท ที่จะมอบประสบการณ์การเชื่อมต่อที่ไร้รอยต่อให้กับนักขี่อีกด้วย เรามั่นใจว่านี่จะเป็นอีกหนึ่งปีที่น่าจดจำสำหรับเราและผู้ที่หลงใหลในการขับขี่ทุกคน

Guerrilla 450: การกลับมาของโรดสเตอร์ตัวจริง
Guerrilla 450 เป็นก้าวสำคัญในตำนานที่ยาวนานของโรดสเตอร์ที่แข็งแกร่งจาก โรยัล เอ็นฟีลด์ ผู้นำด้านมอเตอร์ไซค์ ออกแบบมาเ พื่อตอบโจทย์การขับขี่ที่คล่องตัวทั้งในเมือง เส้นทางคดเคี้ยวต่าง ๆ และการเดินทางไกล Guerrilla 450 คือรถมอเตอร์ไซค์ที่สะท้อนถึงคาแรกเตอร์ที่มุ่งมั่น ด้วยพลังขับเคลื่อนจากเครื่องยนต์ Sherpa 452cc ที่ล้ำสมัย มอบพละกำลัง 40 แรงม้าและแรงบิด 40 นิวตันเมตร ให้สมรรถนะที่ผสมผสานความคล่องตัว ความมั่นคง และการขับขี่ที่สนุกเร้าใจได้อย่างลงตัว

ด้วยดีไซน์เพรียวบาง เน้นความเรียบง่าย และการออก แบบที่เน้นความสบายแก่ผู้ขับขี่ พร้อมฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์ อย่าง โหมด Performan ce และ Eco ทำให้ Guerrilla 450 พร้อมลุยในทุกสภาพเส้นทาง และยังมอบความสะดวกสบายในการขับขี่อย่างไม่มีใครเทียบ ความงดงาม อย่างมีระดับของรถมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้ ผสานกับเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น Tripper (อุปกรณ์เสริม) ที่จะช่วยให้ทุกการเดินทางสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

Royal Enfield x SENA: ยกระดับประสบการณ์การขับขี่
ในงานครั้งนี้ โรยัล เอ็นฟีลด์ ภูมิใจนำเสนอความร่วมมือกับ SENA ผู้นำด้านเทคโนโลยีการสื่อสารสำหรับรถมอเตอร์ไซค์ ผ่าน SENA 50S Mesh Communica tor รุ่นพิเศษที่ร่วมพัฒนาเพื่อตอบโจทย์การเชื่อมต่ออย่างไร้รอยต่อ SENA 50S มาพร้อมเทคโนโลยี Mesh Intercom ขั้นสูง รองรับการเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5 และการปรับแต่งเสียงที่พัฒนาร่วมกับ Harman Kardon

ระบบนี้ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถสื่อสารกับผู้ใช้หลายคนในระยะไกลถึง 8 กิโลเมตร เหมาะสำหรับการเดินทางแบบกลุ่มและการขับขี่ระยะไกล อีกทั้งยังสามารถติดตั้งเข้ากับหมวกกันน็อคได้อย่างง่ายดาย เพิ่มความปลอดภัย ความสะดวก สบาย และยกระดับประสบการณ์การขับขี่ให้เหนือกว่าเดิม

สัมผัสประสบการณ์ใหม่กับ  โรยัล เอ็นฟีลด์  ที่งาน Motor Expo 2024
พบกับ โรยัล เอ็นฟีลด์ ที่บูธ G11 ในงาน Motor Expo 2024 เพื่อสัมผัสประสบการณ์ของ Guerrilla 450 อย่างใกล้ชิด พร้อมสำรวจความร่วมมือสุดพิเศษ Royal Enfield x SENA และเลือกซื้ออุปกรณ์เสริมแท้สำหรับรถมอเตอร์ไซค์ รวมถึงสินค้าไลฟ์สไตล์ต่าง ๆ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของความตื่นเต้นที่ โรยัล เอ็นฟีลด์ กำลังสร้างนิยามใหม่ให้กับวัฒนธรรมโรดสเตอร์ และยกระดับประสบการณ์การขับขี่ให้เหนือชั้น

 Guerrilla 450 มีให้เลือกใน 3 รุ่นย่อย ได้แก่ Analogue, Dash, และ Flash พร้อม 4 สีสันโดดเด่น รุ่น Analogue มาพร้อมสี Smoke Silver และ Playa Black (ไม่มีจอ TFT) ในขณะที่รุ่น Dash ก็มีสี Playa Black ส่วนรุ่น Flash แหวกแนวมา ในสี Yellow Ribbon และ Brava Blue พร้อมสเปคที่ครบครันที่สุด สำหรับตลาดอื่น รุ่น Analogue จะมีสี Smoke Silver เพียงสีเดียว

วางจำหน่ายในประเทศไทยกลางเดือนมกราคม 2025 ด้วยราคาเปิดตัวดังนี้:
Smoke Silver ราคา 179,900 บาท
Playa Black ราคา 183,900 บาท
Yellow Ribbon ราคา 185,900 บาท
Brava Blue ราคา 185,900 บาท

7
หมอประจำบ้าน: สายตาผู้สูงอายุ (Presbyopia)

สายตาผู้สูงอายุ เป็นภาวะเสื่อมตามอายุ ภาวะดังกล่าวมักจะเกิดในคนแทบทุกคนเมื่ออายุประมาณ 40 ปีขึ้นไป

สาเหตุ

ตาคนปกติจะมองดูวัตถุไกล ๆ ได้สบาย ๆ แต่ถ้าต้องดูวัตถุที่อยู่ใกล้ กล้ามเนื้อปรับสายตาจะหดตัว เพื่อปรับให้แก้วตา (เลนส์ตา) มีความโค้งและหนาตัวมากขึ้น (accommodation) ทำให้แสงหักเหตกที่จอตาพอดี แต่ในผู้สูงอายุเนื่องจากความเสื่อมตามอายุ ทำให้เลนส์ตาขาดความยืดหยุ่น จึงทำให้ความสามารถในการปรับสายตาดังกล่าวลดน้อยลง จึงมีความลำบากในการมองดูวัตถุที่อยู่ใกล้

ผู้ที่มีโรคประจำตัว (เช่น เบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด ไมแอสทีเนียเกรวิส) หรือใช้ยาบางชนิดเป็นประจำ (เช่น ยาแก้แพ้ ยาแก้ซึมเศร้า ยาขับปัสสาวะ) อาจทำให้มีอาการสายตายาวก่อนวัยอันควร คือ ก่อนอายุ 40 ปี

อาการ

ผู้ป่วยจะมีอาการมองใกล้ไม่ชัด เวลาอ่านหนังสือต้องถือหนังสือออกไปไกลกว่าระยะปกติ จนบางครั้งยื่นออกไปจนสุดแขน หากเพ่งมองนานๆ ก็อาจมีอาการปวดเมื่อยตา (ตาล้า ตาเพลีย) และปวดศีรษะ บางรายอาจมีอาการมองเห็นภาพซ้อน

ผู้ป่วยมักใช้สายตามองระยะใกล้ ๆ (เช่น อ่านหนังสือ เย็บผ้า สนเข็ม เป็นต้น) ได้ลำบาก และจะเป็นมากขึ้นเมื่อแสงสลัว หรือหนังสือตัวเล็กมาก อาจมีอาการเห็นภาพซ้อน

ผู้ที่เป็นสายตาสั้นอยู่ก่อน อาจสังเกตว่าต้องถอดแว่นสายตาสั้นออกเมื่อต้องอ่านหนังสือในระยะใกล้ตา โดยสามารถถือหนังสือให้ห่างจากตาเท่ากับคนอายุน้อยที่สายตาปกติ


ภาวะแทรกซ้อน

มีปัญหาในการอ่านหนังสือ หรือการมองวัตถุที่อยู่ใกล้ และอาจทำให้มีอาการปวดเมื่อยตาและปวดศีรษะจากการเพ่งมอง


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยด้วยการใช้เครื่องตรวจวัดสายตาและการตรวจสุขภาพตาซึ่งมีอยู่หลายวิธีด้วยกัน และอาจวัดสายตาด้วยการทดลองให้มองผ่านเลนส์หลาย ๆ ขนาดเพื่อหาขนาดที่ให้ความคมชัดที่สุด

บางครั้งแพทย์อาจให้ยาหยอดตาขยายรูม่านตา เพื่อเปิดมุมกว้างสำหรับการตรวจภายในลูกตาได้ละเอียด อาจทำให้เห็นแสงจ้า หรือรู้สึกตาพร่ามัวอยู่สักพักใหญ่ และจะหายดีหลังจากยาหมดฤทธิ์


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะทำการตรวจวัดสายตา และตัดแว่นชนิดเลนส์นูนให้ผู้ป่วยใส่ หรือให้ใส่เลนส์สัมผัส (คอนแทคเลนส์) เพื่อช่วยให้มองเห็นวัตถุที่อยู่ใกล้ได้ดีขึ้น

เมื่ออายุมากขึ้น อาจต้องเปลี่ยนแว่นให้หนาขึ้นทุก 2-3 ปี เนื่องจากกำลังในการหักเหแสงของตาจะอ่อนลงตามอายุ

ในผู้ที่เป็นสายตาสั้น สายตายาว หรือสายตาเอียงอยู่ก่อน อาจต้องใช้แว่นสายตา 2 อัน เพื่อใช้มองไกลอันหนึ่งและมองใกล้อันหนึ่ง หรืออาจใช้แว่นที่ใช้เลนส์ชนิดเอนกประสงค์ (เลนส์โปรเกรสซีฟ) เพียงอันเดียว สามารถใช้มองไกล (ผ่านเลนส์ชั้นบน) และใช้มองใกล้ (ผ่านเลนส์ชั้นล่าง)

บางรายแพทย์อาจทำการรักษาด้วยการผ่าตัด เช่น การทำเลสิก (LASIK), การฝังเลนส์ตาเทียม (intraocular lens implant/IOL)


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น อาการมองใกล้ไม่ชัด เวลาอ่านหนังสือต้องถือหนังสือออกไปไกลกว่าระยะปกติ มีอาการปวดเมื่อยตา (ตาล้า ตาเพลีย) และปวดศีรษะเวลาเพ่งมองนาน ๆ ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นสายตาผู้สูงอายุ ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ 
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    ควรดูแลสุขภาพตา โดยการปฏิบัติตัว ดังนี้

      -  ไม่สูบบุหรี่

      -  บริโภคอาหารสุขภาพ โดยลดของมัน ของหวาน ของเค็ม และกินผัก ผลไม้ และปลาให้มาก ๆ

      -  ลดการสัมผัสรังสีอัลตราไวโอเลตโดยการสวมแว่นตากันแดดเวลาออกกลางแดดจ้า

      -  ใส่แว่นสายตาที่เหมาะกับระดับสายตา

      -  ใส่อุปกรณ์ป้องกันตาเวลาทำกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการบาดเจ็บของตา (เช่น เล่นกีฬา ตัดหญ้า ทาสี หรือการสัมผัสสารเคมี)

     -  ควบคุมโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง (ถ้าเป็นโรคเหล่านี้)

     -  ป้องกันอาการตาล้า โดยการพักตาเวลาใช้สายตามาก (เช่น อ่านหนังสือ เขียนหนังสือ ดูจอคอมพิวเตอร์) ทุก ๆ 20 นาที ให้มองวัตถุที่อยู่ห่างระยะ 20 ฟุต นาน 20 วินาที

     -  ทำกิจกรรมที่ต้องใช้สายตาในที่ ๆ มีแสงสว่างที่มากพอ

     -  หมั่นตรวจเช็กสุขภาพตา (ตามที่แพทย์แนะนำ)

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    สายตามีความผิดปกติมากขึ้น หรือใส่แว่นสายตาแล้วยังมองเห็นไม่ชัด
    มีอาการตาล้า หรือปวดศีรษะบ่อย
    สงสัยมีภาวะแทรกซ้อนหรือความผิดปกติอื่น ๆ เช่น ปวดศีรษะมาก ปวดตามาก ตาพร่ามัว เห็นภาพซ้อน เห็นแสงวาบคล้ายฟ้าแลบหรือแสงแฟลช หรือเห็นจุดดำคล้ายเงาหยากไย่หรือแมลงลอยไปมา เป็นต้น

การป้องกัน

ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผล เนื่องจากเกิดจากความเสื่อมตามอายุที่มากขึ้น


ข้อแนะนำ

1.  สายตาผู้สูงอายุ เป็นภาวะเสื่อมตามอายุ ซึ่งมักจะเกิดในคนแทบทุกคนเมื่ออายุประมาณ 40 ปีขึ้นไป ผู้ป่วยมักใช้สายตามองระยะใกล้ ๆ (เช่น อ่านหนังสือ เย็บผ้า สนเข็ม เป็นต้น) ได้ลำบาก และจะเป็นมากขึ้นเมื่อแสงสลัว หรือหนังสือตัวเล็กมาก แต่ยังมองวัตถุที่อยู่ไกลได้ชัดเจน สามารถแก้ไขง่าย ๆ ด้วยการสวมแว่นสายตาเฉพาะเวลาอ่านหนังสือและมองระยะใกล้ ๆ  และไม่มีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงแต่อย่างใด

2. ในปัจจุบันมีวิธีใหม่ ๆ ในการผ่าตัดรักษาสายตาที่ผิดปกติ นอกจากการผ่าตัดร่วมกับการใช้เลเซอร์ (เช่น การทำเลสิก) แล้ว ยังมีวิธีการผ่าตัดฝังเลนส์ตาเทียม (intraocular lens implant/IOL) โดยแพทย์จะผ่ากระจกตาเป็นรอยเล็ก ๆ แล้วฝังเลนส์ตาเทียมเข้าไปในตาของผู้ป่วย ซึ่งช่วยให้จุดรวมแสงของภาพของวัตถุที่อยู่ไกลตกตรงจอตา ทำให้มองเห็นได้ชัดขึ้น

   อย่างไรก็ตาม วิธีเหล่านี้มีข้อดี ข้อเสีย ข้อห้ามและข้อควรระวังต่าง ๆ กันไป ควรปรึกษาจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้ได้ความชัดเจน ว่าวิธีไหนที่เหมาะกับสภาพของผู้ป่วยแต่ละราย

8
รถยนต์ไฟฟ้า เฌอรี่ Chery Tiggo Cross HEV ปี 2025

Chery Tiggo Cross HEV ปี 2025 เป็นรถยนต์ SUV ขนาดเล็ก (B-segment SUV) ที่ Chery กำลังจะนำเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยเน้นจุดเด่นที่ขุมพลังไฮบริดที่ประหยัดน้ำมัน และออปชั่นที่ครบครัน เพื่อมาแข่งขันในตลาดกลุ่มเดียวกับ Toyota Corolla Cross และ Haval Jolion Pro HEV

ภาพรวมและสถานะในประเทศไทย
Chery Tiggo Cross HEV ปี 2025 ได้มีการนำมาจัดแสดงและพรีวิวในงาน Motor Show 2025 ที่ผ่านมา เพื่อเป็นการยืนยันการนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย โดยคาดว่าจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการและประกาศราคาในช่วงปลายปี 2024 หรือต้นปี 2025 เพื่อเริ่มส่งมอบในปี 2025

ราคาในประเทศไทย: ณ วันที่ 25 มิถุนายน 2568 (ปัจจุบัน) ยังไม่มีการประกาศราคาอย่างเป็นทางการในประเทศไทย แต่จากข้อมูลในต่างประเทศ (เช่น แอฟริกาใต้) คาดว่า Chery จะตั้งราคาให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่งในกลุ่มเดียวกันได้ โดยราคาในประเทศเหล่านั้นอยู่ราวๆ 439,900 - 469,900 แรนด์ (เทียบเป็นเงินไทยอาจจะอยู่ในช่วงประมาณ 700,000 - 900,000 บาท หรืออาจต่ำกว่า 1 ล้านบาท) แต่ราคาที่แท้จริงในไทยจะขึ้นอยู่กับโครงสร้างภาษีและกลยุทธ์การทำตลาดของ Chery Thailand

ขุมพลังและสมรรถนะ (HEV)
Chery Tiggo Cross HEV (หรือในบางตลาดอาจเรียกว่า Tiggo 4 Pro Hybrid) ใช้ระบบขับเคลื่อน Full Hybrid:

เครื่องยนต์: เบนซิน 4 สูบ DOHC ขนาด 1.5 ลิตร (Naturally Aspirated)
กำลังสูงสุดของเครื่องยนต์สันดาป: ประมาณ 70-71 kW (หรือประมาณ 95-96 แรงม้า)
แรงบิดสูงสุดของเครื่องยนต์สันดาป: ประมาณ 118-125 นิวตันเมตร
มอเตอร์ไฟฟ้า: มอเตอร์ไฟฟ้าที่ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์
กำลังสูงสุดของมอเตอร์ไฟฟ้า: ประมาณ 150 kW (หรือประมาณ 204 แรงม้า)
แรงบิดสูงสุดของมอเตอร์ไฟฟ้า: ประมาณ 310 นิวตันเมตร
กำลังรวมสูงสุดทั้งระบบ (Combined System Output): ประมาณ 190-204 แรงม้า (แตกต่างกันไปตามข้อมูลจากแต่ละแหล่ง แต่ส่วนใหญ่ระบุที่ 190 แรงม้า)
แรงบิดรวมสูงสุด: ประมาณ 370 นิวตันเมตร
ระบบส่งกำลัง: Dedicated Hybrid Transmission (DHT) ซึ่งเป็นเกียร์ไฮบริดโดยเฉพาะ
ระบบขับเคลื่อน: ขับเคลื่อนล้อหน้า (FWD)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: ประมาณ 9.4 - 10.8 วินาที
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง (อ้างอิงจาก NEDC/WLTP ในต่างประเทศ): ประมาณ 5.4 ลิตร/100 กม. หรือประมาณ 18.5 กม./ลิตร (อาจแตกต่างไปตามมาตรฐานการทดสอบและสภาพการขับขี่จริง)
แบตเตอรี่: แบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาดประมาณ 1.8 kWh

ดีไซน์ภายนอก
Chery Tiggo Cross HEV มีดีไซน์ที่ดูสปอร์ต ทันสมัย และมีเส้นสายที่โฉบเฉี่ยว:

มิติตัวถัง: โดยประมาณ ยาว 4,307 มม. x กว้าง 1,825 มม. x สูง 1,660 มม. (ระยะฐานล้อประมาณ 2,610 มม.)
ไฟหน้า: LED พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน (DRL) แบบ LED
ไฟท้าย: LED
กระจังหน้า: ดีไซน์สปอร์ต
ล้ออัลลอย: ขนาด 17 นิ้ว หรือ 18 นิ้ว (ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย)
หลังคา: อาจมีออปชั่นหลังคาแบบสีทูโทน
ราวหลังคา (Roof Rails): เพิ่มความอเนกประสงค์

สปอยเลอร์หลัง
ภายในและความสะดวกสบาย
ห้องโดยสารของ Tiggo Cross HEV เน้นความทันสมัยและฟังก์ชันการใช้งาน:

แผงหน้าปัด: หน้าจอคู่ (Dual Screen) ขนาด 10.25 นิ้ว (Digital Driver Display + Central Infotainment Touchscreen)
ระบบ Infotainment: รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto (ไร้สาย)
พวงมาลัย: มัลติฟังก์ชัน
เบาะนั่ง: เบาะนั่งหุ้มหนัง เบาะคนขับปรับไฟฟ้า พร้อมระบบทำความร้อน (Heated Seats) และระบายอากาศ (Ventilated Seats) ในรุ่นท็อป
ระบบปรับอากาศ: อัตโนมัติ Dual-zone พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง
แท่นชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย (Wireless Charger):
ระบบ Smart Entry และ Push Start Button:
ไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร (Ambient Lighting):
หลังคาซันรูฟไฟฟ้า (Electric Sunroof): หรือ Panoramic Sunroof ในรุ่นท็อป
ระบบความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือการขับขี่ (ADAS)
Chery Tiggo Cross HEV คาดว่าจะมาพร้อมระบบความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่ครบครันในรุ่นท็อป:

ถุงลมนิรภัย: 6-7 ตำแหน่ง (คู่หน้า, ด้านข้าง, ม่านถุงลมนิรภัย, ถุงลมกันหัวเข่าคนขับ)
ระบบเบรก ABS, EBD, BA
ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESC) และระบบควบคุมการยึดเกาะถนน (TCS)
ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA) และระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC)
ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS): (ในรุ่น Elite/Ultimate)
Adaptive Cruise Control (ACC)
Lane Departure Warning (LDW)
Lane Keeping Assist (LKA)
Blind Spot Monitoring (BSM)
Rear Cross Traffic Alert (RCTA)
Forward Collision Warning (FCW)
Autonomous Emergency Braking (AEB)
Auto High Beam (AHB)
กล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา

Chery Tiggo Cross HEV ปี 2025 ถือเป็นรถยนต์ SUV ขนาดเล็กที่น่าจับตามองในตลาดประเทศไทย ด้วยความโดดเด่นในเรื่องของขุมพลังไฮบริดที่ประหยัดน้ำมัน ฟังก์ชันและออปชั่นที่ให้มาอย่างครบครัน รวมถึงดีไซน์ที่ทันสมัย ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้บริโภค.

9
จัดฟันบางนา: เครื่องมือจัดฟันแบบใส หากใส่ดื่มกาแฟ จะทำให้เปลี่ยนสีหรือไม่ ?

เป็นที่ทราบกันดีว่าการจัดฟันแบบใส Invisalign เป็นการจัดฟันที่สามารถถอดเครื่องมืออกได้ขณะที่รับประทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่ม ยกเว้นน้ำเปล่าที่สามารถดื่มได้เลยโดยไม่ต้องถอดเครื่องมือ เครื่องมือการจัดฟันแบบใส จะเป็นพอลิเมอร์บางๆ ใสๆ มาใส่ครอบฟันเพื่อปรับโครงสร้าง ตำแหน่ง และการเรียงตัวของฟัน แทนการใส่เหล็กจัดฟันที่เรามักจะเห็นได้ทั่วไป

โดยผู้เข้ารับการรักษาจะต้องใส่ตลอดเวลา เป็นประจำอย่างน้อย 20-22 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นและเป็นไปตามแผนการรักษาของทันตแพทย์ที่ได้วางแผนการรักษาด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ แต่สำหรับการใส่เครื่องมือจัดฟัน ในกลุ่มผู้ที่ชอบดื่มกาแฟ และต้องดื่มกาแฟตลอดทั้งวัน กก็จะไม่ค่อยสะดวกสักเท่าไหร่ เพราะต้องคอยถอดเครื่องมือ เข้าออกตลอดทั้งวัน

เพราะเครื่องมือการจัดฟัน หากผู้เข้ารับการจัดฟันใส่ดื่มกาแฟ จะทำให้คราบกาแฟจะไปติดบนเครื่องมือซึ่งจะทำให้สีของเครื่องมือเปลี่ยน เครื่องมือการจัดฟันแบบใส Invisalign อาจจะไม่สะดวกกับคอกาแฟสักเท่าไหร่ เพราะต้องคอยถอดเข้าถอดออกตลอดขณะจิบกาแฟ ซึ่งผู้เข้ารับการรักษาจะต้องมีวินัยมากๆในการใส่เครื่องมือ

หากละเลยไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์ ก็อาจจะทำให้การวางแผนและผลการรักษา เกิดความคลาดเคลื่อนได้ โดย ชุดเครื่องมือจัดฟันที่ออกแบบมาพิเศษตามรูปฟันแต่ละคน จะต้องเปลี่ยนชุดเครื่องมือจัดฟันทุก 2 สัปดาห์ ซึ่งจำนวนชุดเครื่องมือที่ใช้จะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับสภาพฟันของเรา แต่หากใส่เครื่องมือขณะดื่มกาแฟ จะทำให้สีเครื่องมือเปลี่ยน และเมื่อใส่เข้าไปในช่องปาก ก็จะทำให้สีฟันดูเปลี่ยนไปด้วย

การทำความสะอาดเครื่องมือจัดฟันแบบใส จะต้องทำให้ความสะอาดให้สะอาดมาก โดยเฉพาะการที่ผู้เข้ารับการจัดฟันต้องใส่มันไปในระยะยาว มีหลายคนใช้แปรงสีฟันกับยาสีฟันทำความสะอาดเครื่องมือจัดฟัน และออกแรงขัดที่แรงเกินไป อาจจะทำให้เกิดรอยบนเครื่องมือจัดฟันได้

วิธีที่ถูกต้องในการทำความสะอาดเครื่องมือก็คือ ใช้แค่น้ำในอุณหภูมิปกติกับสบู่ทำความสะอาดก็พอแล้ว แค่นี้อุปกรณ์ของคุณก็พร้อมใช้งาน และหลีกเลี่ยงการทำให้เกิดคราบเหลือง หรือคราบต่างๆที่จะทำให้เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค เพราะอาจจะทำให้ฟันผุ หรือเกิดปัญหาอื่นๆตามมาได้ ทั้งนี้ควรรักษาความสะอาดสุขภาพช่องปากและฟันให้ถูกต้องเพื่อสุขภาพช่องปากที่ดี

10
หมอประจำบ้าน: เมารถ เมาเรือ (Motion sickness)

อาการเมารถเมาเรือ ในที่นี้หมายรวมถึงเมาเครื่องบิน เมาเครื่องเล่นที่มีการหมุนหรือเคลื่อนไหว ซึ่งเรียกรวม ๆ ว่า "อาการเมาจากการเคลื่อนไหว (motion sickness)" ซึ่งเป็นอาการที่พบได้บ่อยในคนทุกวัย ส่วนใหญ่เกิดขึ้นขณะนั่งรถหรือนั่งเรือ จึงขอเรียกว่า "อาการเมารถเมาเรือ"

อาการนี้เป็นภาวะที่ไม่ร้ายแรง และมักจะหายได้เองหลังจากลงจากยานพาหนะหรือเครื่องเล่นสักพัก โดยไม่จำเป็นต้องรักษา ยกเว้นในรายที่อาการรุนแรง หรือพักอยู่นานแล้วยังไม่ทุเลา อาจต้องใช้ยาบรรเทาหรือไปปรึกษาแพทย์

มักพบบ่อยในเด็กอายุ 2-12 ปี พบน้อยลงในวัยผู้ใหญ่ และพบน้อยมากในคนอายุมากกว่า 50 ปี พบว่าผู้หญิงมีโอกาสเกิดอาการนี้มากกว่าผู้ชาย

ผู้ที่มีประวัติว่าพ่อหรือแม่มีอาการเมารถในวัยเด็ก ผู้ที่กำลังมีประจำเดือน ใช้ยาคุมกำเนิด หรือตั้งครรภ์ ผู้ที่มีประวัติเป็นไมเกรน โรคพาร์กินสัน หรือมีความผิดปกติของหูชั้นใน (เช่น โรคเมเนียส์) มีโอกาสเกิดอาการเมารถเมาเรือมากกว่าคนปกติทั่วไป

สาเหตุ

เกิดจากระบบรับรู้การเคลื่อนไหวของร่างกาย ซึ่งประกอบด้วยหูชั้นใน ดวงตา กล้ามเนื้อและข้อ ทำงานไม่ประสานกัน ทำให้สมองเกิดความสับสนระหว่างสัญญาณรับรู้การเคลื่อนไหวจากหูชั้นใน สัญญาณการมองเห็นจากดวงตา และสัญญาณรับรู้ตำแหน่งของร่างกายจากกล้ามเนื้อและข้อ (เช่น เวลานั่งรถนั่งเรือ หูชั้นในรับรู้ว่าร่างกายเคลื่อนที่ไปกับรถ ตามองเห็นภาพต้นไม้ที่มีการเคลื่อนไหว กล้ามเนื้อและข้อรับรู้ว่าร่างกายกำลังอยู่นิ่ง ๆ) ทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ซึ่งมักถูกกระตุ้นจากการนั่งยานพาหนะหรือเครื่องเล่นที่โคลงเคลงหรือเหวี่ยงไปมา มักเกิดกับผู้ที่มีประสาทรับรู้การเคลื่อนไหวของร่างกายในหูชั้นในมีความไวกว่าปกติ

อาการ

ผู้ป่วยจะมีอาการเกิดขึ้นอย่างฉับพลันขณะนั่งยานพาหนะหรือสิ่งที่เคลื่อนไหว เช่น รถยนต์ รถไฟ เรือ เครื่องบิน เครื่องเล่นผาดโผนในสวนสนุก เป็นต้น หรือเกิดขึ้นเวลาอ่านหนังสือขณะนั่งรถที่กำลังวิ่ง

ส่วนมากจะมีอาการไม่สบายท้อง คลื่นไส้หรือรู้สึกผะอืดผะอม เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ หรือมึนศีรษะ อาจมีอาการอื่น ๆ (เช่น เหงื่อออก ตัวเย็น หน้าซีด อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร กระสับกระส่าย ไม่มีสมาธิ มีน้ำลายมาก ง่วงนอน หาว ถอนหายใจ) ร่วมด้วย ในบางรายอาจมีอาการอาเจียนตามมา

หลังจากพาหนะหยุดเคลื่อนไหว (เช่น จอดรถ) หรือลงจากยานพาหนะหรือเครื่องเล่น อาการก็จะค่อย ๆ ทุเลาไปได้เองภายในเวลาสั้น ๆ หรือภายใน 2-3 ชั่วโมง และจะหายเป็นปกติดีภายในเวลาประมาณ 24-72 ชั่วโมง


ภาวะแทรกซ้อน

ส่วนใหญ่ไม่มีภาวะแทรกซ้อน

ในรายที่มีอาการอาเจียนติดต่อกันนาน อาจทำให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำและเกลือแร่ หากปล่อยไว้ไม่แก้ไข อาจส่งผลให้ร่างกายอ่อนเพลีย ความดันโลหิตต่ำ หัวใจเต้นผิดจังหวะ ในรายที่มีอาการอาเจียนรุนแรง อาจทำให้เยื่อบุหลอดอาหารฉีกขาด (esophageal tear)

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากการซักถามอาการ ประวัติการเจ็บป่วยและสาเหตุกระตุ้นเป็นหลัก และทำการตรวจร่างกาย รวมทั้งตรวจตาและหู โดยไม่จำเป็นต้องตรวจพิเศษเพิ่มเติม ยกเว้นในรายที่สงสัยมีสาเหตุจากโรคอื่น

การรักษาโดยแพทย์

หากอาการเล็กน้อยหรือทุเลาดีแล้ว และไม่สงสัยว่าจะมีสาเหตุจากโรคอื่น ก็จะให้คำแนะนำในการป้องกัน และอาจให้ยาแก้เมารถเมาเรือ (เช่น ยาเม็ดไดเมนไฮดริเนต, แผ่นแปะแก้เมารถเมาเรือที่มีตัวยาสโคโพลามีน) ไว้ใช้ป้องกันในการเดินทางครั้งต่อไป

หากมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ก็อาจจะให้ยาแก้เมารถเมาเรือ เช่น ไดเมนไฮดริเนต (dimenhydrinate), สโคโพลามีน (scopolamine) ซึ่งมีวิธีใช้และผลข้างเคียงต่างกัน โดยแพทย์จะเลือกใช้ให้เหมาะกับสภาพของผู้ป่วย

ในรายที่ตรวจพบว่ามีสาเหตุจากโรคอื่น เช่น ไมเกรน (Migraine), พาร์กินสัน (Parkinson’s disease), โรคเมเนียส์ (Ménière’s disease/Endolymphatic hydrops), โรคเกี่ยวกับหูชั้นใน เป็นต้น ก็จะให้การดูแลรักษาโรคที่ตรวจพบ


การดูแลตนเอง

ถ้ามีอาการเมารถเมาเรือเกิดขึ้น ควรปฏิบัติ ดังนี้

    ขอย้ายมานั่งอยู่แถวหน้าของรถ หรือที่นั่งตรงกลางลำเรือ หรือที่นั่งติดหน้าต่างตรงกับแนวปีกเครื่องบิน
    นั่งศีรษะตรง พิงพนักที่นั่ง ประคองให้ศีรษะอยู่นิ่ง ๆ
    หยุดอ่านหนังสือ ดูโทรศัพท์มือถือ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (เมื่อรู้สึกมีอาการเมา)
    เปิดหน้าต่างหรือช่องระบายอากาศให้ลมเข้า เปิดให้มีลมจากเครื่องปรับอากาศพัดถูกใบหน้าให้รู้สึกสดชื่น
    หลับตาสักพัก เมื่อลืมตาให้มองตรงไปด้านหน้าไกล ๆ อย่ามองผ่านหน้าต่างด้านข้าง
    หายใจเข้าออกลึก ๆ และตามดูลมหายใจแบบทำสมาธิ
    ดมยาดม จิบน้ำขิง อมลูกอมรสขิง หรือเคี้ยวขิงแห้งหรือขิงสด (ถ้ามี)
    ถ้าไม่ทุเลา ควรจอดรถลงมาแวะนั่งพักในที่อากาศดี หรือนอนลงบนเรือโดยสารที่มีที่พอ โดยหันศีรษะไปทางหัวเรือ
    ถ้ากำลังเล่นเครื่องเล่น ขอหยุดเล่นเครื่องเล่น ลงมานั่งพักในที่อากาศดี
    ถ้ายังไม่ทุเลา หรือมีอาการคลื่นไส้มากหรืออาเจียน กินยาแก้เมารถ (เช่น ไดเมนไฮดริเนต, สโคโพลามีน) ตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร

ควรไปพบแพทย์ ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ดูแลตนเอง และลงจากยานพาหนะหรือเครื่องเล่นแล้วยังไม่ทุเลา หรือมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนอย่างต่อเนื่อง
    ดื่มน้ำไม่ได้หรือได้น้อย จนมีภาวะขาดน้ำ (ปากคอแห้ง ปัสสาวะออกน้อย อ่อนเพลีย ใจสั่น)
    สงสัยว่ามีสาเหตุเกิดจากโรค เช่น ไมเกรน (Migraine), พาร์กินสัน (Parkinson’s disease), โรคเมเนียส์ (Ménière’s disease/Endolymphatic hydrops) หรือโรคของหูชั้นใน
    มีอาการนานเกิน 24 ชั่วโมง หรือเป็นถี่ขึ้นหรือแรงขึ้นกว่าเดิม


การป้องกัน

ผู้ที่เคยมีอาการเมารถเมาเรือ มีโอกาสกำเริบได้บ่อย ควรหาทางป้องกันดังนี้

    เวลานั่งรถยนต์ ควรเป็นผู้ขับเอง ถ้าเป็นผู้โดยสาร ควรเลือกที่นั่งแถวหน้า สายตามองไปข้างหน้าไกล ๆ หลีกเลี่ยงการมองผ่านหน้าต่างด้านข้าง เห็นภาพต้นไม้ รถรา หรือภาพวิวข้างทางซึ่งเคลื่อนตัวเร็ว ทำให้เมาง่าย

- หลีกเลี่ยงการนั่งอยู่แถวหลัง หรือนั่งหันหน้าไปข้างหลัง

- ควรเปิดหน้าต่างรถหรือช่องระบายอากาศเป็นครั้งคราว เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก พัดเอาลมข้างนอกเข้ามาทำให้รู้สึกสดชื่น

- ควรตั้งศีรษะตรง พิงพนักที่นั่ง ประคองให้ศีรษะอยู่นิ่ง ๆ และไม่ควรฟุบหน้าหรือเอนศีรษะ อาจทำให้เมารถง่าย

- ควรหยุดรถแวะพัก เปลี่ยนอิริยาบถและสูดอากาศสดชื่นเป็นพัก ๆ

    เวลานั่งรถไฟ เลือกที่นั่งแถวหน้า ติดหน้าต่าง และหันหน้าไปข้างหน้า อย่านั่งหันกลับหลัง
    เวลานั่งเรือ ควรนั่งตรงกลางลำ หรือด้านหน้าของดาดฟ้าชั้นบน และมองไปไกล ๆ ดูเส้นสุดขอบฟ้า หลีกเลี่ยงการมองดูคลื่นน้ำเคลื่อนไหวที่อยู่ใกล้
    เวลานั่งเครื่องบิน ควรเลือกที่นั่งติดหน้าต่าง ตรงกับแนวปีกเครื่องบิน และเปิดให้มีลมจากเครื่องปรับอากาศพัดถูกใบหน้า
    หลีกเลี่ยงการอ่านหนังสือ ดูโทรศัพท์มือถือ หรือใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ระหว่างเดินทาง
    ก่อนออกเดินทางควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ควรกินอาหารแต่พออิ่ม (อย่าอิ่มเกิน) เว้นห่างจากเวลาออกเดินทางอย่างน้อย 30 นาที โดยหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด อาหารมัน ๆ และของทอด
    งดชา กาแฟ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ ก่อนและขณะเดินทาง ควรจิบน้ำเป็นพัก ๆ ไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ
    ควรสวมแว่นกันแดดระหว่างเดินทาง
    กินยาป้องกันตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร เช่น ไดเมนไฮดริเนต ก่อนออกเดินทางอย่างน้อย 30 นาที-1 ชั่วโมง หรือใช้แผ่นแปะแก้เมารถเมาเรือที่มีตัวยาสโคโพลามีนก่อนออกเดินทางอย่างน้อย 4 ชั่วโมง


ข้อแนะนำ

1. อาการเมารถเมาเรือส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรง และหายได้เองภายในไม่นาน โดยไม่ต้องใช้ยารักษา ส่วนน้อยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ใหญ่ที่มีอาการรุนแรงหรือเป็นบ่อย อาจเกิดจากโรคอื่น เช่น ไมเกรน (Migraine), พาร์กินสัน (Parkinson’s disease), โรคเมเนียส์ (Ménière’s disease/Endolymphatic hydrops) หรือโรคของหูชั้นใน หากสงสัยควรปรึกษาแพทย์

2. เด็กที่มีอาการเมารถเมาเรือบ่อย และมีพ่อหรือแม่เป็นไมเกรน อาจเป็นอาการของไมเกรนโดยไม่มีอาการปวดศีรษะ เมื่ออายุมากขึ้นมักจะมีอาการปวดศีรษะแบบไมเกรนตามมาได้

3. ในการป้องกันไม่ให้เมารถเมาเรือ ควรเน้นการปฏิบัติตัวให้ถูกต้อง จะได้ไม่ต้องใช้ยาแก้เมารถเมาเรือ ซึ่งอาจมีผลข้างเคียง เช่น ไดเมนไฮดริเนต อาจทำให้ง่วงนอน ปากแห้ง คอแห้ง ตาพร่ามัว ใจสั่น ท้องผูก ปัสสาวะลำบาก เป็นต้น ส่วนสโคโพลามีน นอกจากมีอาการคล้ายไดเมนไฮดริเนต (แต่จะง่วงน้อยกว่า) แล้ว ยังไม่ควรใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี และห้ามใช้ในผู้ที่เป็นต้อหิน หรือต่อมลูกหมากโต

11
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”

สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


12
ปล่อยรถผู้บริหาร Volvo XC60 Ultra T8 Plug-in Hybrid Bright ปี 2025

Volvo XC60 Recharge Ultimate T8 Plug-in Hybrid Bright (ซึ่งปัจจุบันสำหรับรุ่นปี 2025 อาจถูกเรียกว่า Volvo XC60 Ultra T8 Plug-in Hybrid Bright ในบางตลาด เช่น สหรัฐอเมริกา แต่ในประเทศไทยยังคงใช้ชื่อ Recharge Ultimate อยู่ตามข้อมูลที่พบ) เป็นรถ SUV พรีเมียมขนาดกลางที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ด้วยการผสมผสานระหว่างประสิทธิภาพที่ทรงพลัง ความหรูหรา ความปลอดภัย และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจากระบบ Plug-in Hybrid

หมายเหตุ : รายละเอียดของรถยนตอ์าจมีการเปลี่ยนแปลงภายหลัง

รถผู้บริหาร รถทดลองขับ ไมล์น้อย ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

โปรโมชั่นพิเศษ
ตั้งแต่ 19 มิ.ย. - 30 มิ.ย. 2568
ลงทะเบียนผ่าน checkraka รับส่วนลดเพิ่มเติม 50,000 บาท

ราคาพิเศษ 2,890,000 บาท

สนใจสอบถา มรายละเอียดกดลิ้ง https://www.checkraka.com/flashdeal/car

ขุมพลังและสมรรถนะ (T8 Plug-in Hybrid)
รุ่น T8 Plug-in Hybrid นี้โดดเด่นด้วยสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม:

เครื่องยนต์: เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร 4 สูบ พร้อมเทอร์โบชาร์จและซูเปอร์ชาร์จ (บางข้อมูลระบุ 317 แรงม้า)
มอเตอร์ไฟฟ้า: มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง (บางข้อมูลระบุ 143 แรงม้า หรือ 145 ps)
กำลังรวมสูงสุด: เมื่อทำงานร่วมกันทั้งระบบ ให้กำลังรวมสูงสุดถึง 462 แรงม้า (PS) หรือประมาณ 455 แรงม้า (HP) และแรงบิดสูงสุด 709 นิวตันเมตร (Nm)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: ทำได้ในเวลาเพียง 4.8 วินาที ซึ่งจัดว่าเร็วมากสำหรับรถ SUV ในคลาสนี้
ความเร็วสูงสุด: 180 กม./ชม. (จำกัดด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์)
แบตเตอรี่: แบตเตอรี่ Lithium-ion ความจุประมาณ 18.8 kWh หรือ 19 kWh
ระยะทางวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วน: สามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้ไกลถึงประมาณ 88.7 กม. (ตามมาตรฐาน NEDC) ซึ่งเพียงพอสำหรับการเดินทางในชีวิตประจำวันส่วนใหญ่
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง (รวม): ประมาณ 1.6 ลิตร/100 กม. หรือ 62.5 กม./ลิตร (ตามการคำนวณแบบถ่วงน้ำหนักตามมาตรฐาน)
ระบบขับเคลื่อน: ขับเคลื่อน 4 ล้อ (AWD)


13
การตรวจเช็คประสิทธิภาพการทำงาน ของผ้ากันไฟ

การตรวจเช็คประสิทธิภาพการทำงานของผ้ากันไฟ (Fire Blanket) เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเพื่อให้มั่นใจว่าอุปกรณ์นี้พร้อมใช้งานได้อย่างเต็มที่เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน และยังคงมีประสิทธิภาพในการดับเพลิง

ผ้ากันไฟโดยทั่วไปไม่ได้มีกลไกที่ซับซ้อนที่ต้อง "ทดสอบ" การทำงานเหมือนถังดับเพลิง แต่เน้นไปที่การ ตรวจสภาพทางกายภาพ ความพร้อมในการใช้งาน และความสมบูรณ์ของวัสดุ นี่คือวิธีการตรวจเช็คประสิทธิภาพ:

1. การตรวจเช็คด้วยสายตาและสัมผัส (Visual & Tactile Inspection)
เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดและควรทำเป็นประจำ (เช่น เดือนละครั้ง สำหรับการตรวจเช็คทั่วไป และ ปีละครั้ง สำหรับการตรวจเช็คละเอียดโดยผู้รับผิดชอบ):

สภาพบรรจุภัณฑ์:
ไม่ฉีกขาด/เสียหาย: ตรวจสอบซองหรือกล่องบรรจุผ้าว่าไม่ฉีกขาด บุบสลาย หรือมีรอยไหม้ใดๆ ซึ่งอาจทำให้ผ้าข้างในเสียหายได้
สะอาดปราศจากฝุ่น/สิ่งสกปรก: ไม่มีฝุ่นเกาะหนาแน่น ไม่มีคราบน้ำมัน จาระบี หรือสารเคมี
ติดตั้งแน่นหนา: หากแขวนผนัง ต้องแน่ใจว่าติดตั้งแน่น ไม่หลุดร่วงง่าย และมองเห็นได้ชัดเจน
สายดึง (Pull Tabs):
มองเห็นได้ชัดเจน: สายดึงต้องไม่ถูกซ่อน หรือพันกันจนดึงยาก
เข้าถึงได้ง่าย: สามารถเอื้อมมือไปดึงได้สะดวก ไม่มีสิ่งกีดขวาง
ไม่ฉีกขาด/ชำรุด: สายดึงต้องไม่ขาด หรือเปื่อยยุ่ย
คำแนะนำการใช้งาน:
อ่านง่าย ชัดเจน: สัญลักษณ์และคำแนะนำบนบรรจุภัณฑ์ต้องชัดเจน ไม่เลือนลาง หรือถูกปิดทับ
ตัวผ้าเอง (หากเคยเปิดออก หรือตรวจสอบโดยละเอียด):
ไม่มีรอยฉีกขาด/รู: ตรวจสอบเนื้อผ้าว่าไม่มีรอยฉีกขาด เป็นรู หรือมีรอยไหม้ใดๆ แม้รอยเล็กน้อยก็ถือว่าประสิทธิภาพลดลง
ไม่มีรอยพับที่เสียหาย: หากผ้าถูกพับเก็บนาน อาจมีรอยพับที่เสียหายหรือบางลง ควรสังเกตจุดเหล่านี้
ไม่มีคราบสกปรกฝังแน่น: คราบน้ำมัน จาระบี หรือสารเคมี อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการทนไฟ
ไม่มีกลิ่นอับ/เชื้อรา: บ่งชี้ว่าผ้าอาจถูกความชื้น ทำให้ประสิทธิภาพลดลง
สภาพการเคลือบผิว (ถ้ามี): หากเป็นผ้าเคลือบซิลิโคนหรือสารอื่นๆ ควรตรวจสอบว่าสารเคลือบไม่ลอกร่อน แตกร้าว หรือเหนียวเหนอะหนะ


2. การตรวจเช็คเชิงประสิทธิภาพ (Functional Check - with limitations)
การทดสอบประสิทธิภาพของผ้ากันไฟด้วยไฟจริงนั้น ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากจะทำให้ผ้าเสียหายและไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ทันที

การทดสอบการดึงออก (Deployment Test):
สำหรับผ้าห่มกันไฟใหม่ หรือผ้าที่สงสัยในความพร้อม: สามารถทำการทดสอบโดยการดึงสายดึง เพื่อดูว่าผ้าสามารถกางออกได้อย่างรวดเร็วและไม่มีการติดขัดหรือไม่
ข้อควรจำ: หากทำการทดสอบนี้แล้ว ผ้าควรถูกนำไปเปลี่ยนใหม่ทันที ไม่ควรนำกลับไปพับเก็บแล้วใช้งานในสถานการณ์ฉุกเฉินจริง เพราะอาจพับไม่ถูกต้อง หรือมีรอยยับที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการคลุมไฟ


3. การตรวจสอบข้อมูลและเอกสาร (Documentation & Certification Check)
มาตรฐานรับรอง: ตรวจสอบว่าผ้ากันไฟมีเครื่องหมายรับรองมาตรฐานสากล เช่น EN 1869 (มาตรฐานยุโรปสำหรับผ้าห่มกันไฟ) หรือมาตรฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง (เช่น NFPA 701 สำหรับผ้าม่านทนไฟ) การมีมาตรฐานรับรองบ่งชี้ถึงคุณภาพและประสิทธิภาพเบื้องต้น
วันหมดอายุ (Expiry Date): ผ้าห่มกันไฟบางรุ่นอาจมีวันหมดอายุระบุไว้ที่บรรจุภัณฑ์ (แม้จะไม่พบบ่อยเท่าถังดับเพลิง) หากมี ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำ
ข้อมูลผู้ผลิต: ควรทราบข้อมูลผู้ผลิตและรุ่นของผ้า เพื่ออ้างอิงข้อมูลทางเทคนิคและการรับประกัน


4. สภาพแวดล้อมการจัดเก็บ (Storage Environment)
แห้งและเย็น: ควรจัดเก็บผ้ากันไฟในที่แห้ง ไม่มีความชื้นสูง และมีอุณหภูมิที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพของวัสดุ
พ้นจากแสงแดดโดยตรง: แสงแดดโดยตรง โดยเฉพาะรังสียูวี อาจทำให้วัสดุบางชนิดเสื่อมสภาพ
ห่างไกลสารเคมี: ไม่ควรเก็บผ้าไว้ใกล้สารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อน
พ้นจากการกระแทก/บีบอัด: ควรเก็บในลักษณะที่ไม่โดนสิ่งของทับ หรือกระแทกซ้ำๆ ซึ่งอาจทำให้เนื้อผ้าเสียหายได้


5. การดำเนินการหลังจากใช้งาน (Post-Use Protocol)
เปลี่ยนใหม่ทันที: ผ้ากันไฟที่ถูกใช้งานแล้ว (แม้จะเป็นการใช้งานเพียงเล็กน้อย หรือถูกความร้อนเล็กน้อย) ควรถูกนำไปเปลี่ยนใหม่ทันที ไม่ควรพับเก็บกลับไปใช้งานซ้ำ เพราะโครงสร้างของผ้าอาจได้รับความเสียหายจากความร้อน ทำให้ประสิทธิภาพในการดับเพลิงลดลงอย่างมาก
การกำจัด: ผ้าที่ใช้งานแล้วควรถูกกำจัดอย่างถูกวิธี ตามข้อกำหนดของเสียในพื้นที่


สรุป: การตรวจเช็คประสิทธิภาพของผ้ากันไฟส่วนใหญ่คือการ ตรวจเช็คสภาพทางกายภาพและความพร้อมในการใช้งานอย่างสม่ำเสมอ และที่สำคัญที่สุดคือ การเปลี่ยนใหม่ทุกครั้งหลังจากใช้งาน เพื่อให้มั่นใจว่าผ้ากันไฟจะยังคงเป็นอุปกรณ์สำคัญที่พร้อมช่วยชีวิตและทรัพย์สินเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน

หากคุณมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับอุปกรณ์ดับเพลิงอื่นๆ สามารถสอบถามได้เลยครับ

14
ซ่อมบำรุงอาคาร: สัญญาณเมื่อคอมเพรสเซอร์แอร์เริ่มเสื่อมสภาพ

ประเทศไทย ถือว่าเป็นเมืองที่มีอากาศร้อนอบอ้าวมาก จึงไม่แปลกที่ปัจจุบัน หลายบ้านเลือกที่จะติดตั้งเครื่องปรับอากาศเพื่อคลายร้อน แต่ก็ต้องแลกกับค่าใช้จ่ายในบ้านที่เพิ่มมากขึ้น แต่ทั้งนี้ ภายในแอร์นั้น ก็มีความชื้นสะสมเป็นจำนวนมาก จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เชื้อโรคเจริญเติบโตได้ง่าย และส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ วิธีการใช้งานแอร์ที่ถูกต้อง คือเราต้องหมั่นล้างแอร์ตามเวลาที่กำหนด หรือถ้าใช้งานเป็นประจำทุกวัน ก็ควรล้างอย่างน้อย ปีละ 3-4 ครั้ง เพราะการล้างทำความสะอาดแอร์จะทำให้แอร์ไม่ต้องทำงานหนักและทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แถมยังช่วยประหยัดค่าไฟอีกด้วย ในทางกลับกันถ้าหากเราไม่ล้างทำความสะอาดแอร์ ก็จะทำให้แอร์ที่การสะสมของเชื้อโรค ทำร้ายสุขภาพของเราได้


และยังทำให้แอร์ต้องทำงานหนักกว่าปกติ ซึ่งเป็นสาเหตุของการทำให้แอร์ของคุณพังก่อนเวลาที่ควรจะเป็น เพราะนอกจากการทำความสะอาดแอร์แล้ว ยังมีอีกหลายปัจจัยที่จะเร่งให้แอร์ของเราพัง หากใช้ไม่ถูกวิธี โดยเราจะต้องตรวจสอบและใช้งานให้ถูกต้องเพื่อยืดอายุการใช้งานของแอร์ของเราด้วย ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดถึงประเด้นของสัญญาณอันตราย ที่จะบ่งชี้ว่าคอมเพรสเซอร์แอร์เริ่มเสื่อมสภาพ ซึ่งตัวคอมเพรสเซอร์แอร์ถือว่าเป็นชิ้นส่วนที่สำคัญมากเช่นกันที่เราจะต้องดูแลรักษา

คอมเพรสเซอร์แอร์ เป็นชิ้นส่วนที่เรียกว่าเป็นหัวใจหลักของแอร์เลยก็ว่าได้ เพราะมีหน้าที่อัดสารความเย็นหรือน้ำยาแอร์เข้ามาแล้วส่งไปตามท่อ ส่งต่อไปยังเครื่องควบแน่น ให้น้ำยาแอร์มีแรงดันสูงจนเป็นไอ ด้วยการระบายความร้อนของน้ำยาแอร์ออกไปด้วยพัดลมระบายอากาศ เพราะหากคอมเพรสเซอร์ไม่ทำงานแอร์ก็จะไม่เย็น เพราะไม่สามารถอัดอากาศเข้ามาได้ หากพบว่าแอร์ไม่เย็นหรือเย็นไม่เต็มที่ ก็เป้นอีกหนึ่งสัญญาณที่กำลังบอกว่า คอมเพรสเซอร์แอร์กำลังมีปัญหา


นอกจากนี้ แอร์ที่ใช้งานมานาน มีโอกาสที่แผงคอยล์ร้อนที่ชุดคอมเพรสเซอร์จะผุกร่อนจากการเผชิญสภาพอากาศมาเป็นระยะเวลายาวนาน แอร์รุ่นใหม่มีการเคลือบสารบลูฟินทำให้แผงคอยล์ร้อนทนต่อการกัดกร่อน จากกรดจากฝนหรือสารพิษในอากาศ นอกจากนี้ คอมเพรสเซอร์ที่เสื่อมสภาพยังทำให้แอร์มีเสียงดังอีกด้วย สำหรับสัญญาณที่บอกว่าคอมเพรสเซอร์แอร์เริ่มเสื่อมสภาพ เราจะสังเกตได้จาก แอร์จะมีความเย็นน้อยลง ทั้งๆที่พึ่งจะล้างแอร์เติมน้ำยาไปใหม่ๆ เพราะคอมเพรสเซอร์ไม่มีกำลังในการขับน้ำยาให้หมุนเวียนได้ตามปกติ หรือแอร์จะมีความเย็นน้อยลงกว่าสมัยซื้อมาใหม่ๆ เมื่อใช้ไปนานๆก็ย่อมมีการสึกหรอเหมือนกัน นอกจากนี้ เมื่อเปิดแอร์ได้สักพักเบรกเกอร์จะเด้งตลอด

ซึ่งวิธีแก้ปัญหาเหล่านี้ ถ้าเป็นคอมเพรสเซอร์แอร์แบบโรตารี่ควรทำการเปลี่ยนเลยไม่ควรนำมาซ่อมแล้วใช้ใหม่ ซึ่งก่อนเปลี่ยนท่านก็ควรพิจารณาด้วยว่าแอร์ที่ใช้เป็นแอร์ขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ เพราะถ้าเป็นแอร์ขนาดเล็ก ถ้าเปลี่ยนคอมก็อาจจะไม่คุ้มเท่าซื้อใหม่เลย เพราะราคาแอร์ขนาดเล็กในปัจจุบันมีราคาที่ถูกมาก อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดในการใช้เครื่องปรับอากาศ คงจะหนีไม่พ้นการบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศให้ถูกวิธี

ยิ่งเราใช้งานหนัก ก็ต้องล้างทำความสะอาดบ่อยตามไปด้วย ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่ทุกคนทุกบ้านที่มีแอร์จะต้องรู้ เพราะไม่อย่างนั้น จะทำให้แอร์มีอายุการใช้งานที่สั้นลง และยังส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายของคนในบ้านด้วย ดังนั้น ควรล้างทำความสะอาดทุกๆ 3-6 เดือนจะเป็นระยะเวลาที่ดีและเหมาะสมมากที่สุด

หากมีปัญหาดังกล่าวและอาการข้างต้น และต้องการที่จะทำการซ่อมบำรุงเครื่องปรับอากาศ ล้างทำความสะอาด ก็สามารถติดต่อเราได้ เพราะเรามีบริการดูแลระบบปรับอากาศภายในอาคาร มีช่างแอร์ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์มานานหลายปี สามารถดูแลเครื่องปรับอากาศของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตามมาตรฐาน เพื่อให้ทุกคนได้ใช้งานเครื่องปรับอากาศอย่างเต็มประสิทธิภาพ มีความสะอาด และยังช่วยประหยัดในเรื่องของค่าไฟฟ้าได้ด้วย เพื่อป้องกันการเกิดความเสียหายของเครื่องปรับอากาศ และยังให้เครื่องปรับอากาศมีความสะอาดมากยิ่งขึ้น ทำให้มีสิ่งแวดล้อมที่น่าอยู่มากยิ่งขึ้น

15
โรคหัวใจกับ COVID-19 ผู้ป่วยโรคหัวใจติดโควิดอันตราย

ให้ระวังโรคหัวใจกับ COVID-19

โรคหัวใจนับเป็นโรคที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตของผู้คนทั่วโลกอันดับ 1 ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทั้งยังมีอัตราการเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นทุกปีอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดสถิติจากกระทรวงสาธารณะสุข พบว่ามีคนไทยป่วยด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือดปีละกว่า 4 แสนคนและมีอัตราการเสียชีวิตมากกว่า 2 หมื่นคนต่อปีหรือเฉลี่ยแล้วชั่วโมงละ 2 คน ถ้าผู้ป่วยโรคหัวใจมีการติดเชื้อ COVID-19 ร่วมด้วย จะมีอัตราการเสียชีวิต การเข้า ICU การใช้เครื่องช่วยหายใจและระยะเวลาการนอนโรงพยาบาลก็มากกว่าผู้ป่วยทั่วไป
 
สถิติผู้ป่วยโรคหัวใจที่เสียชีวิตจาก COVID-19

โดยสถิติผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 ที่เป็นโรคหัวใจมีจำนวนมากถึง 13% และอาจมีภาวะทางหัวใจและหลอดเลือดที่กำเริบขึ้นในขณะติดเชื้อ COVID-19 ได้อีกด้วย โดยจะพบว่ามี

    ภาวะหัวใจล้มเหลวมากขึ้น ประมาณ 20%
    หลอดเลือดหัวใจตีบมากขึ้น ประมาณ 10%
    หัวใจเต้นผิดจังหวะมากขึ้น ประมาณ 10%
 
กลไกการเกิดโรคหัวใจใหม่จากการติดเชื้อ COVID-19

เพราะหากผู้ป่วยหัวใจติดเชื้อ COVID-19 จะทำให้มีกลไกการเกิดโรคหัวใจใหม่ โดยเชื่อว่าเกิดจาก

    มีการกระตุ้นระบบภูมิต้านทานในร่างกายที่มีต่อกล้ามเนื้อหัวใจ
    ผลจากการกระตุ้นจากเชื้อไวรัสต่อ ถ้าเข้าในกล้ามเนื้อหัวใจทำให้เกิดการทำลายกล้ามเนื้อหัวใจโดยตรงได้


กลไกการเกิดโรคหัวใจใหม่จากการติดเชื้อ COVID-19

คุณหมอหัวใจยังเตือนอีกว่า คนที่เป็นโรคหัวใจ และหลอดเลือด หรือโรคในกลุ่มหลอดเลือด จะต้องยิ่งเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะพบโรคร่วมในการติดเชื้อ COVID-19 ได้ไม่น้อยกว่าที่มีอยู่ในโรคเดิมของผู้ป่วยเอง ดังนี้

    โรคหัวใจ พบในผู้ป่วยติดเชื้อได้ 15% โดยแบ่งเป็น
        เส้นเลือดหัวใจตีบ ประมาณ 10%
        หัวใจล้มเหลวเรื้อรัง ประมาณ 5%
    ความดันโลหิตสูง พบเป็นโรคร่วมได้ ถึง 20-30%
    เบาหวาน พบเป็นโรคร่วมได้ 10-15%
    เส้นเลือดสมองตีบ พบเป็นโรคร่วมได้ 5%

 
วิธีป้องกันผู้ป่วยโรคหัวใจจากการติดเชื้อ COVID-19

ดังนั้นผู้ที่เป็นโรคหัวใจควรระมัดระวังเพื่อป้องกันการติดเชื้อจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก ซึ่งคุณหมอแนะนำว่า

    ควรปฏิบัติตัวตามมาตราฐานเพื่อป้องกันการติดเชื้อ COVID-19 คือ ล้างมือเป็นประจำ, สวมหน้ากาก, การเว้นระยะห่าง (Social  Distancing), แยกของใช้ส่วนตัว เป็นเรื่องสำคัญเป็นอันดับแรก
    หากมีอาการไข้ หรือ มีอาการทางระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ ให้รีบพบแพทย์เพื่อประเมินการติดเชื้อและประเมินความรุนแรง และต้องบอกข้อมูลทั้งหมดให้แพทย์ทราบ เพื่อประเมินการรักษาและการใช้ยาที่ถูกต้อง
    รับประทานยาประจำตามปกติ ไม่เปลี่ยนยาเอง หากไม่มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์
    ยาบางตัวที่ใช้รักษา COVID-19 อาจส่งผลต่อหัวใจ ดังนั้นแพทย์อาจต้องพิจารณาเรื่องยาให้เหมาะสมหากติดเชื้อ COVID -19


สรุปทิ้งท้ายด้วยความห่วงใย

     คุณหมอจะเน้นการรักษาโรคเดิมให้ได้ตามเป้าหมายอย่างเคร่งครัด เนื่องจากหากเจ็บป่วยด้วย COVID-19 แล้วอาจทำให้เกิดผลแทรกซ้อนทางหัวใจกับผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคความดัน เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง โดยอาจเพิ่มระยะเวลานอนโรงพยาบาลและโอกาสเสียชีวิต

'อบอุ่นและเชี่ยวชาญ' กับโรงพยาบาลรามคำแหง

     ดังนั้นการมาพบแพทย์ตามนัดจึงมีความสำคัญอย่างมาก เพื่อติดตามการรักษา การทานยาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ผู้รักษา เพื่อให้สามารถควบคุมโรคได้ดี โดยโรงรามคำแหงได้เตรียมรับมือด้วยมาตราการรักษาซึ่งมีความปลอดภัยสูงด้านการติดเชื้อเพื่อให้ทุกคนได้มีชีวิตที่ดีและยืนยาวต่อไป อยากให้พบมาพบแพทย์ตามนัดเพื่อจะได้สบายใจค่ะ


หน้า: [1] 2 3 ... 52