ผู้เขียน หัวข้อ: โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์คืออะไร?  (อ่าน 137 ครั้ง)

siritidaphon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 514
    • ดูรายละเอียด
โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์คืออะไร?
« เมื่อ: วันที่ 15 มิถุนายน 2024, 22:09:11 น. »
โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์คืออะไร?
     
โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์  (Gestational Diabetes) เป็นโรคเบาหวานชนิดหนึ่ง ที่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกระยะของการตั้งครรภ์  ส่วนใหญ่มักถูกวินิจฉัยในช่วงสัปดาห์ที่ 24-28 ของการตั้งครรภ์  เกิดจากภาวะน้ำตาลในเลือดสูงเนื่องจากร่างกายไม่สามารถผลิตฮอร์โมนอินซูลิน  (Insulin) ได้เพียงพอ สามารถส่งผลเสียต่อมารดาและทารกได้


อาการของโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์

โดยทั่วไปโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์จะไม่มีอาการใดๆ แต่สามารถสังเกตอาการได้คล้ายกับภาวะน้ำตาลในเลือดสูงดังนี้  รู้สึกหิวกระหายน้ำมากกว่าปกติ  ปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ รู้สึกเหนื่อย อ่อนเพลีย
 
ผลของโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ต่อทารก 

• ทารกคลอดก่อนกำหนด
• น้ำหนักทารกแรกคลอดมากกว่าปกติที่ควรจะเป็น  เช่น ทารกมีตัวใหญ่มากขึ้นกว่าปกติ ทำให้คลอดยาก  หรืออาจเกิดอันตรายขณะคลอด
• ทารกมีระดับน้ำตาลในเลือดต่ำทันทีหลังคลอด 
• ทารกมีปัญหาเกี่ยวกับระบบหายใจ
• ทารกอาจเสียชีวิตในครรภ์ได้
• ทารกที่คลอดจากมารดาที่มีภาวะนี้จะมีโอกาสเป็นโรคอ้วน และอาจเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ในอนาคตได้
   

ผลของโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ต่อมารดา   

• หญิงที่เป็นโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์จะมี โอกาสเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษ (Pre-clampsia) ได้  ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อร่างกายมีความดันโลหิตสูงร่วมกับมีโปรตีนรั่วในปัสสาวะมากกว่าปกติ พบในช่วงครึ่งหลังของการตั้งครรภ์
• โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์จะ เพิ่มความเสี่ยงทำให้ต้องการการผ่าท้องคลอดมากขึ้น  เพราะว่าทารกอาจตัวใหญ่เกินกว่าจะคลอดปกติ
• เมื่อเป็นโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์  จะมีโอกาสพัฒนาเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ในอนาคตมากกว่าหญิงปกติถึง 7.4 เท่า
• การมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงติดต่อกันเป็นระยะเวลานานจะส่งผลเสียต่อสุขภาพ เช่น เบาหวานขึ้นตา  (Diabetic retinopathy) โรคหัวใจ โรคไต การทำลายของเส้นประสาท เป็นต้น

 
ปัจจัยเสี่ยงในการเป็น โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์

• มีน้ำหนักเกิน
• เคยเป็นโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์มาก่อนในครรภ์ก่อนหน้า
• ครอบครัวเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2
• กลุ่มเสี่ยงมีภาวะก่อนเป็นโรคเบาหวาน (Prediabetes)  ซึ่งหมายถึงมีระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดสูงกว่าปกติ  แต่ไม่สูงพอที่จะวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวาน
• เป็นโรคถุงน้ำในรังไข่หลายใบ Polycystic Ovary Syndrome
   

เวลาที่ควรตรวจคัดกรอง โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์

• การตรวจคัดกรองโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์  ควรทำในช่วงอายุครรภ์ 24-28 สัปดาห์
• หากมีความเสี่ยง ต่อการพัฒนาเป็นโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ แพทย์จะตรวจคัดกรองโรคเบาหวานตั้งแต่ครั้งแรกที่มาฝากครรภ์
 
   
วิธีรักษาตนเองเมื่อเป็น   โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์   
   
หญิงตั้งครรภ์ที่เป็นโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ สามารถจัดการกับะดับน้ำตาลในเลือดที่สูงกว่าปกติ ด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและเพิ่มการขยับเคลื่อนไหวร่างกาย  แต่บางคนก็อาจจำเป็นต้องได้รับยารักษา

การรับประทานอาหาร ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ

• การรับประทานอาหารในหญิงที่เป็นโรคเบาหวาน ขณะตั้งครรภ์จะแตกต่างกันไปตามระดับค่าน้ำตาลในเลือด  ซึ่งแพทย์ที่ดูแลสุขภาพจะช่วยแนะนำโปรแกรมการรับประทานอาหาร ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพต่อทั้งมารดาและทารก  ทานอาหารคาร์โบไฮเดรตในปริมาณที่เหมาะสมและเลือกเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เมนูอาหารจะเหมือนกับผู้ป่วยโรคเบาหวานทั่วไป  คือมีเป้าหมายเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลให้คงที่

• หากคุณไม่สามารถปฏิบัติตามโปรแกรมที่แพทย์แนะนำ  หรือยังคงมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงอยู่  จะทำให้ร่างกายมีการสร้างสารคีโตน โดยสารคีโตนจะพบได้ในปัสสาวะหรือเลือด  ซึ่งหมายถึงร่างกายมีการใช้ไขมันเป็นแหล่งพลังงาน แทนที่จะใช้น้ำตาลกลูโคสเป็นแหล่งพลังงาน   ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพของมารดาและทารกในครรภ์

• แพทย์อาจแนะนำให้ตรวจหาสารคีโตนในปัสสาวะในเลือด ถ้าหากมีสารคีโตนในระดับสูง แพทย์จะปรับเปลี่ยนประเภท  ปริมาณของอาหารที่รับประทาน และเวลาการรับประทานอาหาร


เพิ่มการเคลื่อนไหวร่างกาย

• การเคลื่อนไหวร่างกายอย่างสม่ำเสมอ  หรือการออกกำลังกายที่เหมาะสมสำหรับหญิงตั้งครรภ์  จะช่วยให้ร่างกายมีระดับน้ำตาลกลูโคสอยู่ในช่วงเป้าหมายที่กำหนด

• ถ้าคุณมีความดันโลหิตสูง หรือมีระดับคอเลสเตอรอลสูง  การออกกำลังกายจะช่วยให้คุณมีสุขภาพที่แข็งแรงได้

• การออกกำลังกายจะช่วยลดความเครียด  เพิ่มความแข็งแรงของกระดูก หัวใจ กล้ามเนื้อ ทำให้ข้อต่อต่างๆ  เคลื่อนไหวได้สะดวกและ ยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ในอนาคต

* อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับกิจกรรมการออกกำลังกายที่เหมาะสมระหว่างที่กำลังตั้งครรภ์
   

จะป้องกันหรือชะลอการเป็น   โรคเบาหวานชนิดที่ 2 ในอนาคตได้อย่างไร

   • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพเพื่อควบคุมน้ำหนัก   

   • ให้นมบุตรด้วยตัวเอง การให้นมจะช่วยให้เผาผลาญพลังงานได้ดีขึ้น

   • หากผลตรวจมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคเบาหวานในอนาคต  และคุณกำลังมีภาวะน้ำหนักเกิน  แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ถึงปริมาณน้ำหนักที่ควรลดลง เพื่อลดความเสี่ยงดังกล่าว