5 โรคหัวใจที่คุณควรรู้ สาเหตุเกิดจากอะไร เช็กอาการเสี่ยงก่อนสาย!

[siritidaphon]

5 โรคหัวใจที่คุณควรรู้ สาเหตุเกิดจากอะไร เช็กอาการเสี่ยงก่อนสาย!

โรคหัวใจเป็นกลุ่มโรคที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ การทำความเข้าใจประเภทของโรค, สาเหตุ, และอาการ จะช่วยให้คุณสามารถป้องกันและรับมือกับโรคนี้ได้อย่างทันท่วงที

1. โรคหลอดเลือดหัวใจ

สาเหตุ: เกิดจากการสะสมของไขมัน คอเลสเตอรอล และหินปูนในผนังหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ ทำให้หลอดเลือดตีบและแข็งตัว เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงหัวใจได้ไม่เพียงพอ

อาการ:

เจ็บแน่นหน้าอกคล้ายถูกบีบหรือมีของหนักทับ อาจร้าวไปที่แขนซ้าย คอ หรือขากรรไกร

หายใจหอบเหนื่อยง่าย โดยเฉพาะเมื่อออกแรง

เหงื่อออก ใจสั่น คลื่นไส้ หรือเป็นลม


2. โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ

สาเหตุ: เกิดจากความผิดปกติของระบบไฟฟ้าในหัวใจ ซึ่งอาจมาจากโรคหัวใจอื่นๆ เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ หรือเกิดจากพฤติกรรม เช่น การดื่มกาแฟหรือแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก

อาการ:

รู้สึกหัวใจเต้นผิดปกติ เช่น เต้นเร็วเกินไป ช้าเกินไป หรือเต้นสะดุด

ใจสั่น วิงเวียนศีรษะ หรือหน้ามืด

อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย


3. โรคกล้ามเนื้อหัวใจ

สาเหตุ: เป็นภาวะที่กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแอหรือผิดปกติ ทำให้การบีบตัวและสูบฉีดเลือดไม่มีประสิทธิภาพ อาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น การติดเชื้อไวรัส, โรคประจำตัวอย่างความดันโลหิตสูงหรือเบาหวาน, และการดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก

อาการ:

อ่อนเพลียและเหนื่อยง่ายผิดปกติ

หายใจลำบาก หอบเหนื่อย โดยเฉพาะเวลานอนราบ

เท้าบวม ขาบวม


4. โรคลิ้นหัวใจ

สาเหตุ: เกิดจากลิ้นหัวใจตีบแคบ, รั่ว, หรือปิดไม่สนิท ทำให้การไหลเวียนของเลือดในหัวใจผิดปกติ อาจเป็นแต่กำเนิด หรือเกิดจากการติดเชื้อและการเสื่อมตามอายุ

อาการ:

เหนื่อยง่าย และเจ็บหน้าอก

มีอาการบวมที่ข้อเท้าและเท้า

ใจสั่นหรือหน้ามืด


5. โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด

สาเหตุ: เกิดจากความผิดปกติของโครงสร้างหัวใจที่เกิดขึ้นตั้งแต่ทารกอยู่ในครรภ์ ซึ่งยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดในทุกกรณี แต่ปัจจัยบางอย่างอาจเพิ่มความเสี่ยงได้ เช่น การติดเชื้อหัดเยอรมันขณะตั้งครรภ์

อาการ:

ในเด็กทารก: ตัวเขียว, ดูดนมช้า, เหนื่อยง่าย, และเจริญเติบโตช้ากว่าปกติ

ในเด็กโต: เหนื่อยง่าย หายใจเร็ว และอาจมีอาการใจสั่น

การทำความเข้าใจโรคหัวใจและสัญญาณเตือนจะช่วยให้คุณสามารถดูแลตัวเองและเข้ารับการตรวจวินิจฉัยได้อย่างทันท่วงที ซึ่งจะนำไปสู่การรักษาที่เหมาะสมและช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนรุนแรงในอนาคตได้ค่ะ