ผู้เขียน หัวข้อ: Doctor At Home: ฝีตับอะมีบา (Amebic Liver Abscess)  (อ่าน 11 ครั้ง)

siritidaphon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 873
    • ดูรายละเอียด
Doctor At Home: ฝีตับอะมีบา (Amebic Liver Abscess)
« เมื่อ: วันที่ 18 สิงหาคม 2025, 22:55:19 น. »
Doctor At Home: ฝีตับอะมีบา (Amebic Liver Abscess)

ฝีตับอะมีบา (Amebic Liver Abscess) หรือฝีบิดในตับ คือภาวะแทรกซ้อนรุนแรงของการติดเชื้ออะมีบา (Entamoeba histolytica) โดยเชื้ออะมีบาที่เข้าสู่ร่างกายผ่านทางปากจะไปที่ลำไส้ก่อน จากนั้นจะเดินทางผ่านกระแสเลือดไปที่ตับและก่อตัวเป็นฝี ทำให้เกิดการสะสมของหนองและเนื้อเยื่อที่ตายแล้ว ซึ่งเป็นภาวะที่พบได้บ่อยในผู้ชายอายุ 30-50 ปี โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีสุขอนามัยไม่ดี

สาเหตุและช่องทางการติดต่อ

เชื้ออะมีบาเข้าสู่ร่างกายได้จากการรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนอุจจาระของผู้ติดเชื้อ ซึ่งมักเกิดจากการสุขาภิบาลที่ไม่ดีหรือไม่ถูกสุขลักษณะ


อาการที่สังเกตได้

อาการของฝีตับอะมีบาอาจไม่ชัดเจนในระยะแรก แต่เมื่อก้อนฝีมีขนาดใหญ่ขึ้น อาการก็จะเริ่มแสดงออกมาอย่างชัดเจนและรุนแรง

ปวดท้อง: มีอาการปวดบริเวณชายโครงด้านขวา ซึ่งอาจร้าวไปที่ไหล่หรือหลังได้

ไข้และหนาวสั่น: เป็นอาการที่แสดงถึงการติดเชื้อในร่างกาย

อาการทางระบบทางเดินอาหาร: อาจมีอาการคลื่นไส้, อาเจียน, ท้องเสีย, หรือท้องผูก

อาการอื่นๆ: อาจมีภาวะดีซ่าน (ตัวเหลืองตาเหลือง), เหงื่อออกมาก, และน้ำหนักลดลง


การวินิจฉัยและการรักษา

หากสงสัยว่ามีอาการของฝีตับอะมีบา ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

การวินิจฉัย: แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ, ประวัติการเดินทาง, และการตรวจทางห้องปฏิบัติการ เช่น การตรวจเลือดเพื่อหาภูมิคุ้มกันต่อเชื้ออะมีบา และการตรวจด้วยภาพถ่ายทางรังสี เช่น อัลตราซาวนด์, CT scan หรือ MRI เพื่อดูตำแหน่งและขนาดของก้อนฝี


การรักษา:

การให้ยา: การรักษาหลักคือการให้ยาฆ่าเชื้ออะมีบา เช่น Metronidazole ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาเป็นอย่างดี

การระบายหนอง: แพทย์อาจพิจารณาเจาะระบายหนองออกในกรณีที่ก้อนฝีมีขนาดใหญ่มากหรือยาไม่ได้ผลใน 72 ชั่วโมง


การป้องกัน

วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือการรักษาสุขอนามัย

ล้างมือ: ล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่และน้ำทุกครั้งก่อนรับประทานอาหารและหลังเข้าห้องน้ำ

ทานอาหารที่ปรุงสุก: รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ และหลีกเลี่ยงอาหารดิบ

ดื่มน้ำสะอาด: เลือกดื่มน้ำต้มสุกหรือน้ำดื่มบรรจุขวดที่ได้มาตรฐาน

การรักษาที่รวดเร็วจะช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้และลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงค่ะ