ผู้เขียน หัวข้อ: บริการทำความสะอาด: เลือกถุงขยะอย่างไรให้เหมาะกับการใช้งานในบ้าน  (อ่าน 89 ครั้ง)

siritidaphon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 521
    • ดูรายละเอียด
บริการทำความสะอาด: เลือกถุงขยะอย่างไรให้เหมาะกับการใช้งานในบ้าน

เลือกถุงขยะอย่างไรให้เหมาะกับการใช้งานในบ้าน
ในบ้านแสนสุขที่มีสมาชิกครอบครัวอยู่กันอย่างพร้อมหน้าและอบอุ่น การสร้างเสริมสุขลักษณะที่ดี ด้วยการรักษาความสะอาดภายในบ้านเป็นเรื่องสำคัญ นอกเหนือจากการปัดกวาดเช็ดถู ทำความสะอาดบ้านเป็นประจำแล้ว การกำจัดสิ่งสกปรกและขยะในบ้านควรได้รับการจัดการให้ถูกต้องเหมาะสม โดยของจำเป็นอีกอย่างหนึ่งในบ้านคือ "ถุงขยะ"

ถุงขยะมีความจำเป็นอย่างไร
แม้เราจะสามารถใช้ถุงพลาสติกที่ได้รับจากการซื้อสินค้ามาดัดแปลงครอบลงบนถังขยะได้ แต่ในหลายครั้งเราไม่สามารถหาถุงที่มีขนาดพอเหมาะกับถังขยะที่ต้องใช้งานทุกวัน หรือความหนาอาจจะไม่เพียงพอรองรับปริมาณขยะ ทำให้เราจำเป็นต้องเลือกซื้อถุงขยะ เพื่อนำมาใช้งานโดยตรง

ถ้าไม่อยากพลาดเสียเงินโดยไม่จำเป็นกับถุงขยะจำนวนมากที่ใช้งานไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นลองดูคำแนะนำการเลือกถุงขยะซึ่งมีวิธีการเลือกให้เหมาะกับการใช้งานที่บ้านดังนี้

1. ขนาดถุงขยะที่เหมาะกับถัง

ถุงขยะที่วางจำหน่ายในปัจจุบันมีหลากหลายขนาดให้เราสามารถเลือกซื้อหาใช้งานได้อย่างสะดวก โดยหลายแห่งยังแสดงขนาดของถุงขยะให้เห็นบนพื้นทั้งความกว้างและความยาวเท่าของจริง ในบริเวณที่เป็นชั้นวางจำหน่ายถุงขยะ

ดังนั้น ก่อนจะซื้อถุงขยะ เราควรทราบขนาดถังขยะความกว้างและความสูงของถังคร่าว ๆ รวมถึงปริมาณความจุของถัง เพื่อประมาณการขนาดของถุงที่ควรใหญ่กว่าถังขยะ โดยปกติถุงขยะจะแบ่งเป็น 6 ขนาด ได้แก่
– ถุงขยะขนาด 18 x 20 นิ้ว เหมาะกับขนาดถัง 10 ลิตร
– ถุงขยะขนาด 24 x 28 นิ้ว เหมาะกับขนาดถัง 40 ลิตร
– ถุงขยะขนาด 28 x 36 นิ้ว เหมาะกับขนาดถัง 50 ลิตร
– ถุงขยะขนาด 30 x 40 นิ้ว เหมาะกับขนาดถัง 60 ลิตร
– ถุงขยะขนาด 36 x 45 นิ้ว เหมาะกับขนาดถัง 120 ลิตร
– ถุงขยะขนาด 45 x 60 นิ้ว เหมาะกับขนาดถัง 240 ลิตร
ถังขยะแยกประเภท ของจำเป็นในบ้านที่มีประโยชน์มากกว่าที่คิด


2. เลือกความหนาของถุงขยะให้เหมาะกับจำนวนขยะ

นอกเหนือจากขนาดของถังขยะที่เราต้องประมาณการแล้ว เราควรคาดคะเนขยะส่วนใหญ่ที่เราทิ้ง เพื่อเลือกความหนาของถุงขยะให้สอดคล้องกับความต้องการ ซึ่งตามปกติความหนาของถุงขยะจะใช้หน่วยมิลลิเมตร (ml.) แบ่งเป็น 0.70 มิลลิเมตร และ 0.90 มิลลิเมตร
ถ้าเป็นถุงขยะที่ใช้ในครัว สำหรับทิ้งเศษอาหาร กล่องน้ำผลไม้ กล่องนม ผัก ผลไม้ เราสามารถใช้ถุงขยะที่มีความหนาประมาณ 0.70 มิลลิเมตรแบบทั่วไปได้ แต่หากเป็นขยะจำพวกของที่สามารถเกี่ยวถุงได้ หรือมีน้ำหนักมาก เราอาจจะต้องใช้ถุงขยะที่มีความหนาประมาณ 0.90 มิลลิเมตร
ขณะเดียวกันการเลือกถุงขยะยังต้องคำนึงถึงความยืดหยุ่นหรือความเหนียวของเนื้อวัสดุให้สามารถรองรับน้ำหนักขยะได้โดยไม่ขาดระหว่างทาง รวมถึงพิจารณารอยซีลให้ดี เพื่อป้องกันปัญหาการรั่วซึมบริเวณก้นถุง
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญ คือ อย่าใส่ขยะมากเกินไป เพราะแม้จะเป็นถุงขยะที่มีความหนา เหนียวแน่น และยืดหยุ่นมากขนาดไหนก็ไม่สามารถรองรับปริมาณและน้ำหนักขยะจำนวนมากได้


3. เลือกสีถุงขยะให้เหมาะกับประเภทขยะ

ถุงขยะที่วางจำหน่ายหลากหลายสีสัน โดยปกติแนะนำให้ใช้สีดำเป็นหลัก เพราะสามารถช่วยบดบังขยะภายในได้เป็นอย่างดี หาซื้อได้ง่าย และมีราคาถูกที่สุดเมื่อเทียบกับสีอื่น ๆ เนื่องจากส่วนใหญ่ใช้วัสดุรีไซเคิล ซึ่งช่วยลดต้นทุนได้มาก อย่างไรก็ตาม ถุงขยะสีสันอื่น ๆ สามารถนำมาใช้งานได้อย่างแตกต่างหลากหลาย ดังนี้

– ถุงขยะสีแดง สำหรับใส่ขยะมีพิษ สิ่งของอันตราย สารเคมี สารทำระเบิดต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดปฏิกิริยาต่าง ๆ ได้รวมถึงสารต่าง ๆ ที่ส่งผลให้เกิดความอันตรายต่อคน สิ่งแวดล้อม สัตว์ พืช
– ถุงขยะสีเหลือง สำหรับใส่ขยะรีไซเคิล ขยะเหล่านี้จะต้องสามารถนำกลับมาเพื่อใช้งาน ใช้ประโยชน์ได้อีกครั้ง
– ถุงขยะสีเขียว สำหรับใส่ขยะมูลฝอยที่สามารถย่อยสลายได้เท่านั้น เป็นจำพวกขยะเศษอาหารที่พร้อมเน่าเสีย ย่อยสลายได้เร็ว
– ถุงขยะสีน้ำเงิน หรือสีฟ้า สำหรับใส่ขยะที่ไม่สามารถย่อยสลายได้ และไม่คุ้มค่ากับการรีไซเคิล


4. เลือกถุงขยะที่มีที่ปิด
ถุงขยะที่วางจำหน่ายโดยปกติมักจะให้ข้อมูลหน้าบรรจุภัณฑ์ไว้อย่างชัดเจนทั้งขนาดของถุงขยะ และสิ่งที่ใช้ปิดถุงขยะ เช่น เชือกสำหรับผูก ถุงขยะแบบรูด หรือแบบหูผูก ซึ่งแต่ละแบบมีผลช่วยให้เราสามารถปิดปากถุงได้อย่างรวดเร็วและนำไปทิ้งได้อย่างสะดวก รวมถึงความแน่นหนาของถุงขยะจากสิ่งที่ใช้ปิดถุง


5. ราคาถุงขยะเหมาะสม
ปัจจัยสุดท้ายที่ใช้พิจารณาเลือกหลังจากผ่านปัจจัยอื่น ๆ ได้แก่ ขนาด ความหนา สี และสิ่งที่ใช้ปิดถุงขยะแล้ว การซื้อถุงขยะจำนวนมากควรคิดราคาเฉลี่ยต่อถุง ซึ่งประหยัดกว่าและทำให้สามารถซื้อได้จำนวนที่มากกว่า อย่างไรก็ตาม เราอาจจะยังต้องเพิ่มเงินอีกเล็กน้อยหากทำให้ได้ถุงขยะที่มีคุณภาพตอบโจทย์กับการใช้งานของเรา

ทิ้งท้ายด้วยเคล็ดลับในกรณีที่ถุงขยะมีกลิ่น ลองโรยผงเบกกิ้งโซดาไว้ก้นถุงก่อนทิ้งขยะ เพื่อช่วยแก้ปัญหากลิ่นของถุงขยะหรือขยะได้ นอกจากนี้ ปัจจุบันยังมีถุงขยะที่มีกลิ่นหอมในตัวด้วย ซึ่งช่วยให้ใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น