การใส่เสื้อตามสีมงคลสะท้อนตัวตนในมุมการทำงานอย่างไร
วิทยาศาสตร์อธิบายว่าโดยปกติแล้วมนุษย์ใช้เวลาตัดสินใจว่าชอบหรือไม่ชอบสินค้านั้น ๆ ในเวลาไม่ถึง 90 วินาที และมีถึง 90% ที่ตัดสินใจโดยอ้างอิงจากการเห็นสีเท่านั้น ยกตัวอย่างหากเราไปซื้อน้ำในร้านค้า เราอาจหยิบกระป๋องสีแดงหรือน้ำเงินขึ้นมาเมื่ออยากกินโคล่า โดยไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่ากระป๋องที่หยิบมานั้นเป็นยี่ห้อที่ตนคิดจริง ๆ รึเปล่า (ซึ่งบางทีก็หยิบผิด เพราะบางยี่ห้อก็จงใจเพิ่มยอดขายด้วยวิธีนี้) ดังนั้นจะเห็นว่าการเลือกสีมีผลกับมนุษย์อย่างรวดเร็วมาก และการเลือกสีที่ผิดจะส่งผลเสียโดยไม่เปิดโอกาสให้เราแก้ตัว
ดังนั้นถ้าเรามองประเด็นเรื่องสีมงคลที่สายมูใช้เป็นตัวช่วยเสมอเวลาต้องไปสัมภาษณ์งาน ทฤษฎีสีและจิตวิทยาคือสิ่งที่ทำงานกับสมองของมนุษย์โดยตรง และเพื่อให้คำอธิบายมีน้ำหนักมากขึ้น Buiness Insider ได้ทำการสำรวจถึงผลกระทบของสีต่อการสัมภาษณ์งานโดย HR Hiring Manager จำนวน 2,099 คน จนได้คำตอบออกมาในเบื้องต้นว่า สีน้ำเงินและดำคือสีที่เหมาะกับการทำงานมากที่สุด ขณะที่สีส้มคือสีที่แย่ที่สุด
สาเหตุก็เพราะสีดำและน้ำเงินเป็นสีพื้นฐานที่คนนิยมใช้กันมายาวนาน ไม่ได้อ้างอิงอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของวัฒนธรรมอย่างเช่นสีอื่น ๆ ที่ปรับตัวตามแฟชั่นหรือสมัยนิยม ดังนั้นสีที่ทุกคนคุ้นเคย (รวมถึงสีอย่างน้ำตาลและเทา) ถือเป็นสีที่เหมาะที่สุดในการคุยงานกับลูกค้าเป็นครั้งแรก เพราะดูเป็นมืออาชีพ สุขุม น่าเชื่อถือ ส่วนสีส้มที่เป็นสัญลักษณ์ของความคิดสร้างสรรค์ตามทฤษฎีสีกลับถูกมองว่าฉูดฉาดเกินไปสำหรับการพบกันครั้งแรกหรือการสัมภาษณ์งาน
ดังนั้นหลังจากที่อธิบายเรื่องความหมายโดยรวมของแต่ละสีจากหัวข้อก่อน ๆ แล้ว เราจะพาผู้อ่านไปพบกับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญว่าการแต่งตัวโดยใช้สีแต่ละแบบ แสดงถึงอะไร และมีประโยชน์อย่างไร
– เสื้อสีดำ คือความเป็นผู้นำ : บางคนอาจมองว่าการใส่ชุดสีดำจะดูเข้าถึงยาก แต่คุณคาเร็น ฮอลเลอร์ (Karen Haller) ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างแบรนด์กล่าวว่าหากเราใส่สีดำอย่างถูกต้อง มันก็จะแสดงถึงความหรูหรา, น่าค้นหา และดูโดดเด่นแตกต่างจากคนอื่น ยกตัวอย่างเช่นแบรนด์ระดับโลกอย่าง Chanel หรือ Yves Saint Lauren ที่เลือกใช้สีดำเป็นและประสบความสำเร็จจนเป็นผู้นำตลาด
– เสื้อสีน้ำเงิน คือความเป็นทีม : คุณลิซ่า จอห์นสัน แมนเดลล์ (Lisa JOhnson Mandell) จาก AOL Jobs กล่าวว่าสีกรมท่าคือสีที่ดีที่สุดสำหรับชุดสูท เพราะสะท้อนให้เห็นถึงความมั่นใจ และการแต่งกายด้วยสีกรมท่าจะทำให้มีโอกาสสมัครงานผ่านมากกว่าการใส่ชุดสีอื่น ๆ จากประสบการณ์ของเธอ
– เสื้อสีเทา คือความมีตรรกะและช่างวิเคราะห์ : สีเทาคือตัวแทนของความอิสระและความสันโดด ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดแต่อย่างใดตราบใดที่เราทำในสิ่งที่มั่นใจได้จริง ๆ เสื้อสีเทาจะแสดงถึงความขี้เหงาแต่ก็เด็ดขาดมากพอที่จะตัดสินใจในเรื่องสำคัญด้วยตนเอง
– เสื้อสีขาว คือความมีระเบียบ : การใส่เสื้อสีขาวหรือสีโทนอ่อนอาจดูสบาย ๆ ใช้งานได้ทุกโอกาส แต่ก็ถูกมองว่าธรรมดาเกินจนเหมือนคนไม่กล้าทดลองอะไรใหม่ ๆ ก็ได้ อย่างไรก็ตามเทคนิคการใส่สีขาวก็คือการใส่ในวันที่คนอื่นน่าจะใส่สีโทนฉูดฉาดกันหมด เช่นเมื่อคุยกับลูกค้าหรือสมัครงานในสายครีเอทีฟที่มีคนมาร่วมงานหลายคน การใส่ชุดสีขาวอาจทำให้เราโดดเด่นขึ้นมาทันที
– เสื้อสีแดง คือพลัง : สีแดงเหมาะสำหรับการใส่เพื่อเรียกร้องความสนใจจากใครสักคน โดยคุณเคนนี่ ฟริมปง (Kenny Frimpong) ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาแบรนด์ของ Eredi Pisano เครื่องแต่งกายสัญชาติอิตาลีกล่าวว่าสีแดงจะช่วยให้ผู้ที่พบเห็นรู้สึกตื่นเต้น, มีแรงกระตุ้น และมีชีวิตชีวา
– เสื้อสีเขียว, เสื้อสีเหลือง, เสื้อสีส้ม และเสื้อสีม่วง คือความคิดสร้างสรรค์ : สีที่ฉูดฉาด โดดเด่นเหล่านี้ทำให้คนมองว่าผู้ใส่เป็นคนสนุก และน่าเข้าใกล้ แต่จะไม่น่าเชื่อถือเท่ากับการใส่เสื้อที่ดูเรียบง่าย ดังนั้นอาจไม่เหมาะสำหรับการสัมภาษณ์งานหรือพูดคุยกับลูกค้าที่ต้องใช้ความจริงจัง แต่อาจใช้เพื่อเปลี่ยนลุคจากคนนิ่ง ๆ ให้ดูสดใสขึ้นเวลามีงานเลี้ยงบริษัท เป็นต้น
บทสรุป
สีมงคล, การเลือกสีตามทฤษฎีสี หรือการใช้จิตวิทยาในการแต่งกาย แม้จะมีประโยชน์ก็จริง แต่สิ่งที่ควรให้ความสำคัญที่สุดก็คือกาลเทศะของพนักงาน เพราะหากเราปล่อยให้ทุกคนแต่งตัวตามทฤษฏีสี หรือสีมงคลตามความเชื่อในแต่ละวัน ยกตัวอย่างหากเราต้องไปพบลูกค้าที่อาวุโสกว่า แต่พนักงานกลับแต่งตัวด้วยสีฉูดฉาดเพียงเพราะเป็นสีมงคลในวันนั้น ผลที่ได้ก็อาจออกมาในแง่ลบแทน
ชุดออฟฟิตกับการใส่เสื้อตามสีมงคลสะท้อนตัวตนในมุมการทำงานอย่างไร อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://uniformdeluxe.com/